แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างกระทำความผิดอาญา ศาลพิพากษาปรับ นายจ้างได้ชำระค่าปรับและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแทนลูกจ้าง แล้วลูกจ้างทำสัญญาผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวแก่นายจ้างแต่ไม่ชำระ ดังนี้ แม้จะมีข้อสัญญาในสัญญาจ้างข้อ 11 ว่า หากลูกจ้างทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายไม่ว่ากรณีใด ๆ ลูกจ้างยอมชดใช้จนครบถ้วนก็ตาม คดีที่นายจ้างฟ้องลูกจ้างให้ชำระหนี้ดังกล่าวก็มิใช่เป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามมาตรา 8 (1) ทั้งมิใช่เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้างสืบเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 เพราะการชำระค่าปรับเป็นหน้าที่ของลูกจ้าง นายจ้างหาจำต้องรับโทษปรับร่วมกับลูกจ้างไม่ นายจ้างจึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกให้ชำระหนี้ดังกล่าวเป็นคดีแรงงาน
ลูกจ้างขับรถยนต์ชนรถยนต์ของบุคคลภายนอกโดยละเมิดตามทางการที่จ้าง นายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เป็นเรื่องที่ลูกจ้างได้กระทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายตามข้อ 11 ของสัญญาจ้างดังกล่าวแล้ว คดีที่นายจ้างฟ้องเรียกเงินที่ตนได้ชำระแก่บุคคลภายนอกแทนลูกจ้างไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามมาตรา 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 นายจ้างมีอำนาจฟ้องเป็นคดีแรงงานได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์โดยมีสัญญาจะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งของโจทก์ หากทำให้โจทก์เสียหายไม่ว่าด้วยประการใด ๆ จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จนครบถ้วน ระหว่างที่จำเลยทำงานกับโจทก์จำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์รวม ๘ ครั้ง โดยครั้งที่หนึ่งจำเลยขับรถยนต์ของโจทก์รับจ้างบุคคลภายนอกบรรทุกไม้ที่ผิดกฎหมายโดยพลการ ศาลพิพากษาปรับ ๒๕,๐๐๐ บาท แต่โจทก์ในฐานะนายจ้างได้ใช้ค่าปรับแทนกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมเป็นค่าเสียหาย ๓๐,๐๐๐ บาท แต่ลูกจ้างอื่นของโจทก์ที่ร่วมกระทำผิดได้รับผิดไปครึ่งหนึ่งเหลือค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ ๑๔,๔๘๐ บาท และจำเลยยอมรับผิดขอผ่อนชำระให้โจทก์และผ่อนชำระบ้างแล้วคงค้างชำระอีก ๑๐,๔๘๐ บาท ครั้งที่สองจำเลยได้รับคำสั่งให้นำรถยนต์ไปหน่วยช่างระหว่างทางจำเลยขับรถโดยประมาทเฉี่ยวรถยนต์เก๋งได้รับความเสียหายโจทก์ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอกจำนวน ๕,๕๐๐ บาท จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้และผ่อนชำระคืนบ้างแล้วคงเหลือ ๔,๒๐๐ บาท ส่วนครั้งที่สามถึงครั้งที่เจ็ดจำเลยได้ยืมเงินทดรองและเบี้ยเลี้ยงเกินไปยังไม่ได้ชำระคืนให้โจทก์ครั้งที่แปดผ้าใบ ๒ ผืน อุปกรณ์ใช้ประจำรถคันที่จำเลยรับผิดชอบหายไปรวมค่าเสียหายครั้งที่สามถึงครั้งที่แปดเป็นเงิน ๕,๙๒๗.๕๐ บาท ค่าเสียหายทั้งหมดรวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน ๒๕,๙๐๐.๕๐ บาท ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัด
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินที่เป็นความเสียหายครั้งที่สามถึงครั้งที่แปด จำนวน ๕,๙๒๗.๕๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องคำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าพิเคราะห์แล้วสำหรับความเสียหายครั้งที่หนึ่งตามฟ้องจำนวน ๑๐,๔๘๐ บาท นั้นคดีได้ความตามที่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำความผิดอาญาศาลพิพากษาปรับจำเลย จำเลยไม่มีเงินชำระค่าปรับโจทก์จึงได้ชำระค่าปรับและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแทนจำเลยไปก่อนโดยสืบเนื่องจากคำฟ้องที่ว่าจำเลยได้นำรถยนต์ของโจทก์ไปรับจ้างบุคคลภายนอกบรรทุกไม้ที่ผิดกฎหมายโดยพลการศาลฎีกาเห็นว่าแม้จำเลยผู้เป็นลูกจ้างของโจทก์จะได้ทำความตกลงกับโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๒ ตามอุทธรณ์ของโจทก์โดยเฉพาะข้อ ๑๑ ที่ว่าเมื่อจำเลยได้รับการบรรจุเข้าทำงานกับโจทก์แล้วหากจำเลยได้กระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ว่าในกรณีใด ๆ จำเลยยินยอมชดใช้จนครบถ้วนก็ตามแต่การชำระเงินค่าปรับตามคำพิพากษาเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องชำระต่อศาล โจทก์ผู้เป็นนายจ้างหาจำต้องรับโทษปรับอันเป็นโทษทางอาญาร่วมกับจำเลยด้วยไม่การที่โจทก์ในฐานะนายจ้างชำระค่าปรับและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีไปก่อนโดยจำเลยทำสัญญาประนีประนอมผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์แล้วผิดนัดชำระหนี้ก็มิใช่กรณีละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้างซึ่งโจทก์ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยได้กระทำไปในทางการที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๒๕ ฉะนั้นค่าเสียหายครั้งที่หนึ่งโจทก์ฟ้องจึงมิใช่เป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามมาตรา ๘ (๑) ทั้งมิใช่เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้างสืบเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา ๘ (๕) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.๒๕๒๒ ดังนั้นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าความเสียหายครั้งที่หนึ่งมิใช่เป็นคดีแรงงานโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลแรงงานกลางนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ส่วนความเสียหายครั้งที่สองตามฟ้องเป็นเงินจำนวน ๔,๒๐๐ บาทศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขับรถยนต์ของโจทก์ด้วยความประมาทเลินเล่อเฉี่ยวรถยนต์บุคคลภายนอกได้รับความเสียหายและโจทก์ได้จ่ายค่าเสียหายจำนวน ๕,๕๐๐ บาทแก่เจ้าของรถยนต์แทนจำเลยโดยสืบเนื่องจากคำฟ้องที่ว่าจำเลยได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้นำรถของโจทก์ไปที่หน่วยช่างเหตุเกิดระหว่างทางที่นำรถไปหน่วยช่างศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๑ง-๒๙๑๐ ตามทางการที่จ้างของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างโจทก์ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๒๕ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยได้กระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายตรงตามข้อ ๑๑ เอกสารหมาย จ.๒ แล้วกรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามมาตรา ๘ (๑)แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.๒๕๒๒ ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาและข้อเท็จจริงได้ความตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่าจำเลยยอมรับผิดและได้ทำหนังสือสัญญาประนีประนอมและผ่อนชำระหนี้ครั้งที่สองนี้จำเลยจึงเป็นลูกหนี้โจทก์ตามฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชดใช้เงินอีกจำนวนหนึ่งเป็นเงิน ๔,๒๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.