แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยในคดีนั้นต่อสู้คดี โจทก์นำนางหลินเข้าเบิกความเป็นพยาน นางหลินเบิกความว่า พ่อตาโจทก์ตายเมื่อ 4 ปีมานี้ ซึ่งความจริงพ่อตาโจทก์ตายมากกว่า 10 ปีแล้ว ข้อความที่พยานเบิกความเช่นว่านั้นแม้เป็นเท็จ ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดี เพราะในคดีก่อน ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาจริงตามฟ้อง นางหลินยังไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
ย่อยาว
ได้ความว่า ในคดีแพ่งแดงที่ ๑๘๖/๒๕๐๐ ของศาลจังหวัดนครปฐม โจทก์ฟ้องนายตึ้ง นายแก้ว เป็นจำเลย ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินนั้น โดยอ้างว่า โจทก์ได้ซื้อที่พิพาทจากนางแหนและครอบครองปรปักษ์มา ในคดีนั้น ศาลจังหวัดนครปฐมฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อที่พิพาทจากนางแหน ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่า ก่อนที่โจทก์เข้ามาอยู่ในที่พิพาท นายวุ่นพ่อตาโจทก์กับนายเส็ง และคนอื่น อีกหลายครอบครัว อาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่นี้ โจทก์ได้นางแสงลูกนายวุ่นเป็นภรรยา ก็มาอยู่ที่เรือนนายวุ่นตลอดมา ข้อเท็จจริงจากที่โจทก์นำสืบไม่พอฟังว่าโจทก์ได้ซื้อที่พิพาทจากนางแหนแล้วครอบครองมาจริงตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่านางหลินจำเลยในคดีนี้เบิกความเท็จต่อศาลในสารสำคัญในการเป็นพยานจำเลยในคดีแดงที่ ๑๘๖/๒๕๐๐ ว่า นายวุ่นพ่อตาโจทก์ตายไปเมื่อ ๔ ปีนี้เอง ความจริงนายวุ่นพ่อตาโจทก์ตายไปแล้วกว่า ๑๐ ปี เป็นเหตุให้โจทก์แพ้ความในคดีก่อน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๑๗๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า เฉพาะตอนที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่า นายวุ่นพ่อตาโจทก์ตายไปเมื่อ ๔ ปีนี้เอง นั้น ไม่เป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญแห่งคดีเพราะในคดีก่อนศาลตัดสินยกฟ้องโดยเชื่อข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาจริงตามฟ้อง การตายของนายวุ่นจะตายมาช้านานเท่าใดไม่เกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่ศาลหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัย การกระทำของจำเลยจึงไม่ผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องคดีไม่มีมูล ที่จะรับไว้พิจารณา จึงมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ความเท็จที่นางหลินจำเลยเบิกความว่า นายวุ่นพ่อตาโจทก์ตายไปเมื่อ ๔ ปีนี้ เป็นข้อสำคัญแห่งคดีหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีก่อนศาลจังหวัดนครปฐมไม่เชื่อพยานฝ่ายโจทก์ว่าโจทก์จะได้ซื้อที่พิพาทมาจากนางแหนแล้วครอบครองโดยสงบและเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาจริงดังที่โจทก์ฟ้องและฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่า โจทก์มิได้เคยปกครองที่พิพาทโดยปรปักษ์มาเลย ไม่ว่าในขณะใดขณะหนึ่งที่ศาลล่างทั้งสองฟังต้องกันมาว่า คำเบิกความของนางหลินจำเลยในคดีนั้นที่ว่า นายวุ่นพ่อตาโจทก์ตายไปเมื่อ ๔ ปีนี้ ไม่ใช่เป็นข้อสำคัญแห่งดี จึงเป็นการถูกต้องแล้ว พิพากษายืน