คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยได้ทำร้ายนายตี่ หวิ่งต๊ะแล้ว จำเลยก็มุ่งหน้าไปทางในเมือง นางชื่นสมาชิกสภาตำบลและเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลความสงบเรียบร้อยในบริเวณงานวัดได้ชักชวนผู้เสียหายกับบุคคลอื่นอีก ไปตามตัวจำเลยเพื่อจับไว้ก่อน และเมื่อเลยวัดไปประมาณ 15 วา ก็ทันจำเลย นายชื่นร้องบอกให้จำเลยกลับก่อน จำเลยได้ยินก็กลับมา นายชื่อบอกว่าจะขอควบคุมตัว เพราะจำเลยฟันนายตี่ หวิ่งต๊ะ จำเลยไม่พูดตอบ แต่ถือมีดรี่เข้ามา ผู้เสียหายเห็นท่าไม่ดีเลยคว้ากระบอกไม้ไผ่ถือไว้ จำเลยตรงรี่เข้าหาผู้เสียหาย ่ๆ ก็เอาไม้ตีที่มีด แต่มีดไม่หลุดจากมือจำเลย และไม้ที่ผู้เสียหายตีมีดนั้นหัก จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้ จำเลยจะแก้ตัวว่ากระทำร้ายผู้เสียหายเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ เพราะแม้ผู้เสียหายกับพวกตามจำเลยมาเพื่อจะจับจำเลยก็ดี จำเลยไม่ได้หยุดอยู่เฉย ๆ หรือบอกกล่าวว่าไม่ควรถูกจับกุมประการใด การที่จำเลยถือมีดตรงรี่เข้าไปทางผู้เสียหายกับพวกแสดงว่าจำเลยจะเข้าต่อสู้ทำร้ายเขาโดยผ่านผู้เสียหายยังไม่ได้ลงมือกระทำการที่จะเข้าจับตัวจำเลยประการใดเลย จึงยังไม่มีกรณีจำเป็นที่จำเลยจะป้องกัน ในกรณีเช่นนี้
ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่า พวกผู้เสียหายมีอำนาจจับจำเลยหรือไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว ๑ ศอกเศษ แทงนายใจดำได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ริบของกลางและนับโทษต่อ
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นการทำเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จำคุก ๑ ปีและให้นับโทษต่อฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยการทำการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อจำเลยได้ทำร้ายนายตี่ หวิ่งต๊ะแล้ว จำเลยก็มุ่งหน้าไปทางในเมือง นางชื่นสมาชิกสภาตำบลและเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลความสงบเรียบร้อยในบริเวณงานวัดได้ชักชวนผู้เสียหายกับบุคคลอื่นอีก ไปตามตัวจำเลยเพื่อจับไว้ก่อน และเมื่อเลยวัดไปประมาณ ๑๕ วา ก็ทันจำเลย นายชื่นร้องบอกให้จำเลยกลับก่อน จำเลยได้ยินก็กลับมา นายชื่อบอกว่าจะขอควบคุมตัว เพราะจำเลยฟันนายตี่ หวิ่งต๊ะ จำเลยไม่พูดตอบ แต่ถือมีดรี่เข้ามา ผู้เสียหายเห็นท่าไม่ดีเลยคว้ากระบอกไม้ไผ่ถือไว้ จำเลยตรงรี่เข้าหาผู้เสียหาย ๆ ก็เอาไม้ตีที่มีด แต่มีดไม่หลุดจากมือจำเลย และไม้ที่ผู้เสียหายตีมีดนั้นหัก จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส
ปัญหามีว่า จำเลยได้กระทำร้านายใจคำผู้เสียหายเป็นการที่จำเลยกระทำโดยป้องกันหรือไม่ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้แม้ผู้เสียหายกับพวกตามจำเลยมาเพื่อจะจับจำเลยก็ดี จำเลยไม่ได้หยุดอยู่เฉย ๆ หรือบอกกล่าวว่าไม่ควรถูกจับกุมประการใด การที่จำเลยถือมีดตรงรี่เข้าไปทางผู้เสียหายกับพวกแสดงว่าจำเลยจะเข้าต่อสู้ทำร้ายเขาโดยผ่านผู้เสียหายยังไม่ได้ลงมือกระทำการที่จะเข้าจับตัวจำเลยประการใดเลย จึงยังไม่มีกรณีจำเป็นที่จำเลยจะป้องกันไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่า พวกผู้เสียหายมีอำนาจจับจำเลยหรือไม่ การที่นายใจคำผู้เสียหายใช้ไม้ตีมีดที่จำเลยถือมาจะทำร้ายนั้นเป็นการที่นายใจคำป้องกันตัวเสียด้วยซ้ำ แม้จำเลยจะมีบาดเจ็บก็เป็นการที่จำเลยถูกทำร้าย เมื่อจำเลยได้ทำร้ายร่างกายนายใจคำล้มสิ้นสติไปแล้ว หาเป็นข้อแก้ตัวของจำเลยให้จำเลยไม่มีความผิดได้ไม่ ศาลฎีกาประชุมใหญ่มีมติว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ จำเลยจะแก้ตัวว่ากระทำร้ายนายใจคำเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้
ศาลฎีกาพิจารณากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share