คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4526/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องสอดอ้างว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทบางส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์ จึงร้องขอเข้ามาเพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิ์ของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) จึงเป็นคำฟ้องผู้ร้องสอดจึงต้องเสียค่าขึ้นศาล โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่คำร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้างทั้งไม่มีคำขอบังคับมาด้วย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทบางส่วนเป็นกรรมสิทธิ์ของนายคุ้มและนางจำปา ภักตร์ผ่อง โดยการครอบครองปรปักษ์ จำเลยปลูกบ้านโดยอาศัยสิทธิของบุคคลทั้งสอง โจทก์ทั้งสี่ซื้อที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริต คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ยกคำร้อง
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้อง ของ ผู้ร้องสอดนั้นอ้างว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทบางส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์จึงสมัครใจร้องเข้ามาเพื่อให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) มิใช่เพราะผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีตามมาตรา 57(2) ผู้ร้องสอดจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามระเบียบ และเมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่คำร้องของ ผู้ร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่าผู้ร้องสอดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้าง ทั้งไม่มีคำขอบังคับมาด้วย คำร้องของผู้ร้องสอดจึงยังไม่มีความจำเป็นเพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามความในมาตรา 57(1)ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องสอดนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องสอดฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share