แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การรับสภาพหนี้มีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้เดิม เมื่อมูลหนี้เดิมของโจทก์เป็นเรื่องการซื้อของเชื่อจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) เดิม โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดตามหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2523 จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวน 16,500 บาทจำเลยตกลงชำระเงินคืนโจทก์ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2524 จำนวน 10,000บาท ส่วนที่เหลืออีก 6,500 บาท จะชำระให้แล้วเสร็จภายในวันที่30 กรกฎาคม 2525 หลังจากวันทำหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าว จำเลยไม่เคยชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 22,687 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 16,500 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่า ตามหนังสือรับสภาพหนี้มีมูลหนี้เดิมเกิดขึ้นมาได้อย่างไรเมื่อใด จำเลยไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์เพราะจำเลยไม่มีหนี้สินกับโจทก์ ลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือรับสภาพหนี้จะเป็นของจำเลยหรือไม่ ไม่รับรอง โจทก์ปลอมเอกสารขึ้นทั้งฉบับเมื่อประมาณ11 ปีมานี้ จำเลยเคยซื้อของเชื่อจากโจทก์ประเภทอาหารสด อาหารแห้งรวมเป็นเงินไม่เกิน 3,000 บาท ภายหลังโจทก์ได้ไปตวงข้าวเปลือกของจำเลยเป็นจำนวน 4 เกวียน 90 ถัง เป็นการหักหนี้ ถือว่าหนี้ซื้อของเชื่อดังกล่าวระงับสิ้นไปแล้ว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ จำนวน 16,500 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 5มิถุนายน 2523 จนกว่าจะครบกำหนดห้าปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายในชั้นฎีกาเพียงว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ มิใช่ฟ้องให้รับผิดตามสัญญาซื้อของเชื่อ การฟ้องให้รับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงมีอายุความ 10 ปี เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยได้ซื้อของเชื่อไปจากโจทก์และต่อมาได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยซื้อของเชื่อให้โจทก์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2523 การรับสภาพหนี้ดังกล่าวมีผลทำให้อายุความสิทธิเรียกร้องในหนี้เดิมสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้เดิมที่ลูกหนี้รับสภาพหนี้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 เดิม เมื่อมูลหนี้เดิมของโจทก์เป็นเรื่องการซื้อของเชื่อจึงเป็นกรณีที่บุคคลผู้เป็นพ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของซึ่งมีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1) เดิม โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2530ซึ่งพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดตามหนังสือรับสภาพหนี้เอกสารหมาย จ.1 คือวันที่ 30 กรกฎาคม 2525 ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน