คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6847/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 บัญญัติเพียงว่าอสังหาริมทรัพย์อาจตกอยู่ในภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น โดยไม่ได้แยกเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือที่ดินมีโฉนดให้มีผลแตกต่างกัน ดังนั้นแม้ที่ดินจำเลยทั้งสองจะเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองต่างเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 1126 และเลขที่ 1124ตามลำดับ ที่ดินทั้งสองแปลงมีแนวเขตติดกัน ที่ดินของจำเลยมีทางเดินออกสู่ทางสาธารณะขนาดกว้าง 6 ศอก ยาว 14 วาซึ่งโจทก์และบุคคลอื่นอีกประมาณ 10 หลังคาเรือนใช้เดินออกสู่ทางสาธารณะเป็นประจำโดยความสงบ โดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากกว่า 10 ปีแล้ว ทางเดินดังกล่าวจึงตกเป็นภารจำยอม เมื่อเดือนกันยายน 2536 จำเลยทั้งสองปิดกั้นทางพิพาท ขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางพิพาท ขนาดกว้าง 6 ศอกยาว 14 วา และไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ไปขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า ทางพิพาทมิใช่ทางเดินแต่เป็นที่ดินที่จำเลยทั้งสองมีสิทธิครอบครอง โดยจำเลยทั้งสองไม่ยินยอมให้ผู้ใดใช้เป็นทางเดิน อย่างไรก็ตามเนื่องจากที่ดินของโจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นที่ดินที่มีหนังสือสำคัญเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งผู้มีชื่อมีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น จึงไม่อาจตกเป็นภารจำยอมได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1124 ของจำเลยทั้งสองกว้าง 6 ศอกยาว 14 วา ตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.4 ในส่วนหมายเลข 3ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1126 ของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนภารจำยอมที่ดินของจำเลยทั้งสองให้แก่ที่ดินของโจทก์หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันฟังได้ว่าที่ดินของโจทก์และจำเลยทั้งสองต่างเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)อยู่ติดกัน โดยที่ดินของจำเลยทั้งสองอยู่ทางทิศเหนือของที่ดินโจทก์มีทางพิพาทตามฟ้องจากที่ดินโจทก์ผ่านที่ดินจำเลยทั้งสองสู่ทางสาธารณะ คดีมีข้อวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่า ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์จะตกเป็นภารจำยอมได้หรือไม่ และทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโจทก์หรือไม่
สำหรับข้อกฎหมาย จำเลยทั้งสองฎีกาเป็นทำนองว่าที่ดินมีโฉนดซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธิ์เท่านั้นจึงจะตกเป็นภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 ได้ แต่ที่ดินของจำเลยทั้งสองเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์จำเลยทั้งสองมีสิทธิเพียงสิทธิครอบครอง ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์จึงไม่ก่อให้เกิดภารจำยอมแก่ที่ดินจำเลยทั้งสองได้ เห็นว่าตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวไม่ได้แยกเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือที่ดินมีโฉนดให้มีผลแตกต่างกันหากแต่บัญญัติไว้ว่าอสังหาริมทรัพย์อาจตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นดังนี้แม้ที่ดินจำเลยทั้งสองจะเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่ก็เป็นอสังหาริมทรัพย์จึงย่อมตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโจทก์ ซึ่งเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เหมือนกับที่ดินของจำเลยทั้งสองได้ตามบทบัญญัติดังกล่าวฎีกาจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share