คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329-1330/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายกระดูกสันหลังแตกยุบเป็นเหตุให้ขาทั้งสองข้างสูญเสียสมรรถภาพอย่างถาวรข้างละร้อยละ 7 นั้น การคำนวณค่าทดแทนต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 54(2)มิใช่ข้อ 54(3) เพราะเป็นกรณีที่ลูกจ้างสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของขาทั้งสองข้างไปเพียงบางส่วนซึ่งตามข้อ 54 วรรคสอง ให้ถือว่าลูกจ้างสูญเสียอวัยวะนั้นด้วย จึงต้องคำนวณค่าทดแทนรายเดือนเทียบส่วนร้อยละจากระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการสูญเสียอวัยวะบางส่วนของร่างกายตามข้อ 54(2)
ค่าครองชีพที่โจทก์จ่ายให้แก่ลูกจ้างมีวิธีการจ่ายเช่นเดียวกับการจ่ายค่าจ้างตามปกติ และวัตถุประสงค์ของการจ่ายก็เพื่อให้ลูกจ้างมีรายได้เพิ่มขึ้น ถือได้ว่าค่าครองชีพที่ลูกจ้างได้รับเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างที่โจทก์จ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงาน จึงเป็นค่าจ้างอันต้องนำมาคำนวณค่าทดแทนด้วย

ย่อยาว

โจทก์สำนวนแรกฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2523 โจทก์ได้ประสบอันตรายเนื่องจากรถยนต์พลิกคว่ำในขณะทำงานให้กับนายจ้างเป็นเหตุให้กระดูกสันหลังแตกยุบ ขาทั้งสองข้างสูญเสียสมรรถภาพอย่างถาวรข้างละ 7 เปอร์เซ็นต์โจทก์ได้ร้องต่อพนักงานเงินทดแทนจังหวัดชัยภูมิ พนักงานเงินทดแทนมีคำสั่งที่ 5/2524 ลงวันที่ 10 เมษายน 2524 สั่งให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนตามข้อ 54(2) แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานแก้ไขเพิ่มเติม ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2516 ความจริงโจทก์ควรจะได้ค่าทดแทนตามข้อ 54(3) โจทก์จึงได้อุทธรณ์คำสั่งต่ออธิบดีกรมแรงงาน อธิบดีกรมแรงงานได้มีคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 45/2524 ลงวันที่ 2 กันยายน2524 ยืนตามคำสั่งของพนักงานเงินทดแทน จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งเงินทดแทนที่ 45/2524 ลงวันที่ 2 กันยายน 2524 และมีคำสั่งใหม่ไปตามอุทธรณ์ของโจทก์

จำเลยให้การว่าขาของโจทก์สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานไปบางส่วนตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 54 วรรคสอง การคำนวณค่าทดแทนต้องเป็นไปตามข้อ 54(2) คือร้อยละห้าสิบของค่าจ้างรายเดือนโดยเฉลี่ยเป็นระยะเวลาไม่เกินห้าปีส่วนการคำนวณค่าทดแทนตามข้อ 54(3) นั้น ต้องเป็นกรณีที่อวัยวะเสียสมรรถภาพในการทำงานโดยสิ้นเชิง ขอให้ยกฟ้อง

สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2524 โจทก์ได้รับคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 45/2524 จากจำเลยสั่งให้โจทก์จ่ายเงินทดแทนแก่ลูกจ้างครั้งเดียวเป็นเงิน 2,169.05 บาท กรณีไม่สามารถทำงานได้เป็นเวลา 43 วัน และค่าทดแทนเป็นรายเดือน ๆ ละ 1,311.52 บาท มีกำหนดเวลา 6.72 เดือน กรณีที่ลูกจ้างสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของขาไปข้างละร้อยละ 7 โดยจ่ายครั้งเดียวเป็นเงิน 8,813.41 บาท คำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนดังกล่าวไม่ชอบ เพราะจำเลยคำนวณค่าทดแทนโดยนำเอาเงินค่าครองชีพมารวมกับเงินเดือนของลูกจ้างเป็นฐานเพื่อคิดค่าทดแทน ขอให้เพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 45/2524 ของจำเลย

จำเลยให้การว่า การคำนวณค่าจ้างรายเดือนโดยเฉลี่ยเพื่อนำมาเป็นหลักในการคำนวณค่าทดแทนรายเดือนนั้น จะต้องนำเงินค่าครองชีพที่ลูกจ้างได้รับรวมกับค่าจ้างรายวันด้วย ทั้งนี้เพราะเงินค่าครองชีพนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามมติคณะรัฐมนตรี เป็นเงินค่าจ้างตามความหมายแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน2515 คำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 45/2524 จึงชอบด้วยกฎหมายขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 45/2524 ลงวันที่ 2 กันยายน 2524 เฉพาะเกี่ยวกับเงินทดแทนรายเดือนหรือจ่ายครั้งเดียวตามคำสั่งข้อ 2 เป็นให้จ่ายเงินทดแทนให้แก่นายปกรณ์หมู่ไพศาล เป็นรายเดือน ๆ ละ 1,643.15 บาท มีกำหนด 8.4 เดือน หรือจ่ายครั้งเดียวเป็นเงิน 13,802.46 บาท ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 54(3) และวรรคสองแก้ไขเพิ่มเติม ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2515 ข้อ 3 ประกอบด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดการจ่ายเงินทดแทน ลงวันที่ 16 เมษายน2515 ข้อ 2(9) ให้ยกฟ้องโจทก์สำนวนหลัง

โจทก์สำนวนหลังและจำเลยสำนวนแรกอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 45 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 8 สิงหาคม 2516 ข้อ 3 กำหนดว่า เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนเป็นรายเดือนดังต่อไปนี้ (1) _ _ _ (2) ร้อยละห้าสิบของค่าจ้างรายเดือนโดยเฉลี่ยสำหรับกรณีที่ลูกจ้างต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วนของร่างกายโดยจ่ายตามประเภทของการสูญเสียอวัยวะ และตามระยะเวลาที่จะต้องจ่ายให้ตามที่กระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนดแต่ต้องไม่เกิน 5 ปี (3) ร้อยละหกสิบของค่าจ้างรายเดือนโดยเฉลี่ยสำหรับกรณีที่ลูกจ้างต้องทุพพลภาพ โดยจ่ายตามประเภทของการทุพพลภาพและตามระยะเวลาที่จะต้องจ่ายตามที่กระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนดแต่ต้องไม่เกินสิบปี (4) การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยซึ่งเป็นเหตุให้สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของอวัยวะไปเพียงบางส่วนให้ถือว่าลูกจ้างสูญเสียอวัยวะนั้นด้วย แต่การคำนวณค่าทดทแนให้เทียบอัตราส่วนร้อยละจากจำนวนระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการสูญเสียอวัยวะประเภทนั้นตามข้อกำหนดของกระทรวงมหาดไทย

การที่นายปกรณ์ประสบอันตรายได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังเป็นเหตุให้ขาทั้งสองข้างเสียสมรรถภาพในการทำงานไปข้างละร้อยละเจ็ดนั้น เป็นกรณีที่ลูกจ้างสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของขาทั้งสองข้างไปเพียงบางส่วนซึ่งตามข้อ 54 วรรคสอง ให้หถือว่าลูกจ้างสูญเสียอวัยวะนั้นด้วย จึงต้องคำนวณค่าทดแทนรายเดือนเทียบส่วนร้อยละจากระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการสูญเสียอวัยวะบางส่วนของร่ายกายตามข้อ 54(2) ส่วนกำหนดค่าทดแทนตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 54 (3) นั้น เป็นกรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยถึงทุพพลภาพซึ่งได้กำหนดประเภทไว้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดการจ่ายค่าทดแทน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2การสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของขาทั้งสองที่จะถือว่าทุพพลภาพตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดการจ่ายค่าทดแทน ข้อ 2(9)ต้องเป็นกรณีเสียสมรรถภาพในการทำงานโดยสิ้นเชิง หาใช่กรณีสูญเสียอวัยวะบางส่วนของร่างกายไม่

ส่วนปัญหาเรื่องค่าครองชีพนั้น เห็นว่าเงินประเภทใดจะถือว่าเป็นค่าจ้างหรือไม่นั้น ต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 ซึ่งให้คำนิยามไว้ว่า “ค่าจ้าง” หมายความว่าเงิน หรือเงินและสิ่งของที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาปกติของวันทำงาน หรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ และหมายความรวมถึงเงินหรือเงินและสิ่งของที่จ่ายให้ในวันหยุดซึ่งลูกจ้างไม่ได้ทำงานและในวันลาด้วยทั้งนี้ไม่ว่าจะกำหนด คำนวณหรือช่วยเป็นการตอบแทนในวิธีอย่างไรและไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร” ได้ความว่าค่าครอบชีพที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจ่ายให้แก่ลูกจ้างมีวิธีการช่วยเช่นเดียวกับการช่วยค่าจ้างปกติ วัตถุประสงค์ของการจ่ายก็เพื่อให้ลูกจ้างมีรายได้เพิ่มขึ้น เห็นได้ว่าค่าครองชีพที่ลูกจ้างได้รับเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่โจทก์จ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงาน จึงเป็นค่าจ้างอันต้องนำมาคำนวณค่าทดแทนด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์สำนวนแรกเสียด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share