คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ทางราชการจะให้อำเภอหรือจังหวัดจัดหาที่ดินสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านหรือตำบลนั้นจะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตที่ดินซึ่งสงวนไว้เป็นสาธารณะทั้งที่นั้นก็ต้องเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของอยู่และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 มาตรา 4,5 การที่ผู้ใหญ่บ้านได้เขียนป้ายนำไปปิดประกาศไว้ว่า เป็นที่สาธารณะ นั้นไม่ทำให้ที่ดินนั้นกลายสภาพเป็นที่สาธารณะหวงห้ามไปได้เพราะทางการยังไม่ได้ดำเนินการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามไว้เพื่อประชาชน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้สมคบกันรื้อถอนรั้วเขตที่ดินของโจทก์ และขึงลวดหนามบุกรุกที่โจทก์ โดยเจตนาจะแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์ และเอาไม้รั้วของโจทก์ไป ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อรั้วออกจากเขตที่ของโจทก์ เอาไม้รั้วมาคืนและปักไว้ตามสภาพเดิม หากไม่คืนให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยทั้งสองไม่ได้บุกรุก เสารั้วไม้ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่อาจยกสิทธิหรืออายุความขึ้นต่อสู้ได้ และเสารั้วก็เป็นของแผ่นดินด้วย ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ไม่ใช่ที่ดินหวงห้ามตามกฎหมายพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องและให้นำเสารั้วไม้ไปปักไว้ในที่เดิมตามสภาพเดิม

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ทางราชการจะให้อำเภอหรือจังหวัดจัดหาที่ดินสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านหรือตำบลนั้น จะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตที่ดินซึ่งสงวนไว้เป็นสาธารณะทั้งที่นั้นก็ต้องเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของอยู่และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินพ.ศ. 2478 การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ใหญ่บ้านเขียนป้ายนำไปปิดประกาศไว้ว่า เป็นที่สาธารณะ นั้น ไม่ทำให้ที่ดินนั้นกลายสภาพเป็นที่สาธารณะหวงห้ามไปได้ เพราะทางการยังไม่ได้ดำเนินการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามไว้เพื่อประชาชน โจทก์ครอบครองที่พิพาท ทำกินแสดงตนเป็นเจ้าของต่อเนื่องจากบิดาและพี่ชายตลอดมานานปีแล้ว ที่พิพาทเป็นของโจทก์ การที่จำเลยทั้งสองถอนเสาไม้รั้วของโจทก์ไป จึงเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ต้องรับผิดต่อโจทก์

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share