แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์จำนำใบหุ้นกับธนาคารจำเลยประกันหนี้ของ บ. ต่อจำเลย บ. เป็นลูกหนี้คนภายนอกโดยจำเลยค้ำประกันจำเลยใช้หนี้ของ บ. แก่คนภายนอก บ. ย่อมตกเป็นลูกหนี้จำเลยในเงินที่จำเลยใช้แทนไปแล้วและที่จะต้องใช้แทนในภายหน้า จำนำใบหุ้นจึงยังผูกพันโจทก์อยู่โจทก์เรียกใบหุ้นคืนจากจำเลยไม่ได้
ข้อความในเอกสารจำนำใบหุ้นแสดงเจตนาแท้จริงชัดแจ้งอยู่แล้วไม่ต้องสืบพยานบุคคลตีความ
ย่อยาว
บริษัท บ. เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารจำเลย และธนาคารจำเลยค้ำประกันหนี้ที่ บ. เป็นลูกหนี้บริษัท ง. โจทก์จำนำใบหุ้นค้ำประกันหนี้ของ บ.ต่อจำเลย โจทก์อ้างว่าชำระหนี้ของ บ. หมดแล้ว จึงเรียกใบหุ้นที่จำนำคืนศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงได้ความจากคำแถลงรับของคู่ความในวันชี้สองสถานว่า โจทก์ได้นำใบหุ้นรายพิพาทหมาย ล.1 กับ ล.5ของโจทก์จำนำไว้กับจำเลยเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด ที่มีต่อจำเลย โดยได้สลักหลังการจำนำไว้ด้านหลังใบหุ้นทุกฉบับ และโจทก์ได้ชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีตามฟ้องให้จำเลยเรียกร้อยแล้ว แต่โจทก์ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้ไว้แก่จำเลยตามเอกสารหมาย ล.6 โดยธนาคารจำเลยได้ออกหนังสือค้ำประกันหนี้ของบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด ที่มีต่อบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ไว้ต่อบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.7 และบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัดได้ทำหนังสือยอมชดใช้ความเสียหายให้ไว้แก่จำเลยตามเอกสารหมาย ล.8ด้วย บริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด ยังมีหนี้สินติดค้างกับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจริงตามคำให้การของจำเลย และจำเลยได้ชำระดอกเบี้ยส่วนหนึ่งของหนี้สินดังกล่าวให้กับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแทนบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด โดยบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด ยังไม่ได้ชำระค่าดอกเบี้ยที่จำเลยชำระแทนไปนั้นให้แก่จำเลย มีปัญหาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยคืนใบหุ้นที่จำนำไว้ทั้งหมดให้กับโจทก์หรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ตามใบหุ้นพิพาทหมาย ล.1 ถึง ล.5 ที่โจทก์จำนำไว้กับจำเลยได้สลักหลังแสดงการจำนำไว้ทางด้านหลังทุกฉบับ มีข้อความว่า “ข้าพเจ้าขอมอบใบหุ้นฉบับนี้จำนวนเงิน บาท จำนำให้ไว้แก่ธนาคารแห่งเอเชียฯ จำกัดเป็นประกันหนี้ทุกประเภทซึ่งข้าพเจ้าและหรือบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด ได้เป็นลูกหนี้ธนาคารแห่งเอเชียฯ จำกัด อยู่แล้วในขณะนี้ และที่จะเป็นลูกหนี้ต่อไปในภายหน้าโดยไม่จำกัดจำนวนเงิน” เห็นว่าข้อความดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งอยู่แล้วว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้จำนำยอมรับผิดในหนี้สินทุกประเภท ไม่จำกัดเฉพาะหนี้เบิกเงินเกินบัญชีตามฟ้องที่โจทก์และหรือที่บริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด เป็นลูกหนี้จำเลยทั้งในปัจจุบันและในอนาคตโดยไม่จำกัดจำนวนเงิน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวข้างต้นว่าบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง จำกัด เป็นหนี้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมไทยจำกัด โดยจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน และจำเลยได้ชำระดอกเบี้ยบางส่วนของหนี้สินดังกล่าวให้กับบรรษัทเงินทุนฯ แทนบริษัทบางกอกชิบบิลดิ้งแอนด์เอนยิเนียริ่ง ไปแล้ว บริษัทบางกอกชิบบิลดิ้ง แอนด์เอนยิเนียริ่ง ย่อมตกเป็นลูกหนี้จำเลยตามจำนวนเงินที่จำเลยได้ชำระแทนไป รวมทั้งจำนวนเงินที่จำเลยต้องรับผิดชำระตามสัญญาค้ำประกันต่อบรรษัทเงินทุนในภายหน้าอีกด้วย โจทก์จึงต้องรับผิดชดใช้จำนวนเงินที่จำเลยได้ชำระให้บรรษัทเงินทุนฯ ไปแล้ว ตามสัญญาค้ำประกันหมาย ล.6 ซึ่งการจำนำใบหุ้นรายพิพาทเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ครอบคลุมถึงหนี้รายนี้ด้วยตามเงื่อนไขที่บันทึกไว้หลังใบหุ้นทุกฉบับนั้นเมื่อโจทก์ยังไม่ชำระหนี้ให้จำเลยและบรรษัทเงินทุนฯ ให้เสร็จสิ้นไป โจทก์ก็ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยคืนใบหุ้นอันเป็นทรัพย์จำนำให้โจทก์
ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ควรจะได้มีโอกาสสืบถึงเจตนาที่แท้จริงของการจำนำว่าเป็นการจำนำเพื่อประกันการเบิกเงินเกินบัญชีโดยเหตุผลดังที่โจทก์ยกขึ้นกล่าวในฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเป็นการไม่ชอบนั้นพิจารณาแล้วเห็นว่าบันทึกแสดงการจำนำหลังใบหุ้นหมาย ล.1 ถึง ล.5 มีข้อความแสดงให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของโจทก์ผู้จำนำโดยชัดแจ้งอยู่แล้ว โดยไม่จำต้องตีความที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน