แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำให้การของจำเลยว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่า โจทก์จะไปขึ้นเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อ ว. โอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย เพราะจำเลยออกเช็คเพื่อใช้หนี้แทน ป. น้องชายของจำเลย แต่จำเลยกลับนำสืบว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ พ. เจ้าหนี้คนหนึ่งของ ป. โดย พ. ได้ทราบข้อตกลงและเงื่อนไขดังกล่าว ต่อมา ว. ไม่ยอมโอนอู่ซ่อมรถยนต์ให้จำเลย จำเลยจึงแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินแล้ว พ. กลับโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อให้โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นเรื่องจำเลยต่อสู้ว่า พ. ผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ผู้ทรงคนปัจจุบันด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวจึงนอกประเด็นพิพาท รับฟังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ๒ ฉบับเป็นเงิน ๒๖,๑๘๐ บาท
จำเลยให้การต่อสู้ว่า  โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย  เช็คไม่มีมูลหนี้  จำเลยจ่ายเช็คดังกล่าวให้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์จะไปขึ้นเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อนางวิไลวรรณ  ผู้จัดการมรดกของนายประภัสสร  โอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย  จำเลยยอมใช้หนี้แทนนายประภัสสร  ต่อมานางวิไลวรรณไม่ยอมโอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย  จำเลยจึงสั่งอายัดเช็ค  โจทก์นำเช็คมาฟ้องเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ๒ ฉบับ  เป็นเงิน ๒๖,๑๘๐ บาทแก่โจทก์  พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี  นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ปัญหาข้อแรกตามคำให้การจำเลยว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่า  โจทก์จะไปขึ้นเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อนางวิไลวรรณโอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย  เพราะจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อใช้หนี้แทนนายประภัสสรน้องชายจำเลยซึ่งถึงแก่กรรม  แต่จำเลยกลับนำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่นายพรชัยเจ้าหนี้คนหนึ่งของนายประภัสสร  โดยนายพรชัยได้ทราบข้อตกลงและเงื่อนไขดังกล่าว  ต่อมานางวิไลวรรณไม่ยอมโอนอู่ซ่อมรถยนต์ให้จำเลย  จำเลยจึงแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงิน  แล้วนายพรชัยกลับโอนเช็คพิพาทสองฉบับนั้นให้แก่โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อให้โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลย  ซึ่งเป็นเรื่องจำเลยต่อสู้ว่า  นายพรชัยผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทให้โจทก์  ผู้ทรงคนปัจจุบันด้วยคบคิดกันฉ้อฉล  เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้  ข้อนำสืบดังกล่าวจึงนอกประเด็นพิพาทรับฟังไม่ได้  และคดีฟังได้ว่าเช็คพิพาทสองฉบับเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ  โจทก์เป็นผู้ถือนับว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย  เมื่อธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค  จำเลยผู้สั่งจ่ายย่อมจะต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์   ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น  และไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยอีก
พิพากษายืน

