คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาระหว่างสืบพยานจำเลยขอถอนคำให้การเดิมขอให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง แต่ขอเวลาหาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้อง อันเป็นการรับสารภาพด้วยความสมัครใจ แต่จำเลยหาเงินไม่ได้จึงขอแก้คำให้การรับสารภาพเป็นปฏิเสธและขอสืบพยานต่อไป ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยขอแก้คำให้การเพื่อประวิงคดี จึงไม่มีเหตุสมควรจะอนุญาตแก้คำให้การ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาสืบพยานจำเลย จำเลยขอถอนคำให้การเดิมขอให้การใหม่ว่ารับสารภาพตามฟ้อง ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การรับสารภาพนั้นเป็นให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีสิทธิจะให้การปฏิเสธและต่อสู้คดี ขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยและพิพากษาใหม่
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำตามฟ้อง แต่ขอเวลาเพื่อหาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องเป็นคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจของจำเลย มิได้เกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดของจำเลยแต่ประการใด เหตุที่จำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดเพื่อฟังคำพิพากษา ก็เนื่องจากจำเลยยังหาเงินชำระหนี้แก่โจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่สามารถจะหาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ จำเลยจึงยื่นคร้องขอแก้คำให้การที่ให้การรับสารภาพเป็นให้การปฏิเสธและขอสืบพยานจำเลยต่อไป เห็นได้ว่าจำเลยขอแก้คำให้การเพื่อประวิงคดีเพื่อมิให้ศาลชั้นต้นพิพากษาคดี จึงไม่มีเหตุสมควรจะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๓ วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share