คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้น แม้คดีอาญาโจทก์จะมิใช่คู่ความ แต่เมื่อจำเลยเป็นคู่ความ ศาลก็ต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันจำเลย เมื่อโจทก์เป็นผู้เสียหายในคดีอาญาซึ่งอัยการได้ฟ้องจำเลย โจทก์จำเลยก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีอาญานั้นด้วย
ในกรณีละเมิดซึ่งโจทก์ผู้หนึ่งมีส่วนผิดอยู่ด้วย แต่โจทก์อีกผู้หนึ่งมิได้มีส่วนทำผิดร่วมด้วยนั้น ในการกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ผู้มิได้มีส่วนผิดแม้จะไม่นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 มาใช้ แต่ศาลก็มีอำนาจพิจารณาพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดของจำเลยและกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 438 ได้คือ เมื่อมีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยต้องรับผิดเต็มตามความเสียหายทั้งหมดแต่ผู้เดียว ศาลก็ไม่จำต้องให้จำเลยต้องรับผิดเต็มตามความเสียหายนั้นเสมอไป

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องเรียกค่าเสียหายในการที่รถยนต์ของนายทองนอกโจทก์ชนรถยนต์ของจำเลย โดยนายทองนอกเรียกค่าซ่อมแซมและเสื่อมราคารถ 25,830 บาท คุณหญิงเล็กฯ โจทก์เรียกค่ารักษาและค่าทนทุกข์ทรมาน 14,085.50 บาท

จำเลยต่อสู้ว่า ฟ้องเคลือบคลุม และโจทก์เป็นฝ่ายผิด

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม คำพิพากษาคดีอาญาชี้ขาดเป็นยุติแล้วว่าจำเลยเป็นฝ่ายต้องรับผิดในการชนกันครั้งนี้จึงต้องถือตาม แต่นายทองนอกโจทก์ก็มีส่วนผิดอยู่บ้างที่ขับรถเร็วจึงกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้นายทองนอกโจทก์ 13,420 บาท และคุณหญิงเล็กฯ โจทก์ 6,832.65 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง

โจทก์ทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในคดีอาญาโจทก์จะมิใช่คู่ความ แต่เมื่อจำเลยเป็นคู่ความในคดีอาญานั้นแล้ว ศาลก็ต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันจำเลย แต่อย่างไรก็ดี โจทก์ทั้งสองเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ในคดีอาญา ถือว่าอัยการฟ้องคดีที่โจทก์เป็นผู้เสียหายนั้นเอง โจทก์จำเลยจึงต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีอาญานั้น

แต่ที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายให้แก่คุณหญิงเล็กฯ โจทก์โดยเห็นว่าคุณหญิงเล็กฯ โจทก์มิได้มีส่วนทำผิดร่วมกับนายทองนอกโจทก์ด้วย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อคุณหญิงเล็กฯ ตามควรแก่พฤติการณ์โดยไม่มีทางลดหย่อนให้ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ศาลไม่จำต้องพิจารณาเปรียบเทียบความผิดของจำเลยกับนายทองนอกโจทก์เพื่อกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยชดใช้แก่คุณหญิงเล็กฯ โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 เพราะคุณหญิงเล็กฯ โจทก์มิได้ทำความผิดให้เกิดเสียหายขึ้นด้วยก็ตาม แต่ในการกำหนดค่าเสียหายนั้น ศาลย่อมพิจารณาพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดของจำเลยในการทำให้เกิดความเสียหายตามมาตรา 438 ได้ เมื่อมีเหตุไม่ควรให้จำเลยต้องรับผิดเต็มตามความเสียหายทั้งหมดแต่ผู้เดียว ศาลก็ไม่จำต้องให้จำเลยต้องรับผิดเต็มตามความเสียหายนั้นเสมอไป จึงกำหนดค่าเสียหายให้แก่คุณหญิงเล็กฯ โจทก์เพียง 5,000 บาท

พิพากษาแก้เฉพาะค่าเสียหายจำนวนนี้

Share