คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 683/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืน กับเรียกค่าเสียหายเพราะจำเลยผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว เป็นการฟ้องให้บังคับตัวจำเลยเป็นหนี้เหนือบุคคลไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เพราะไม่ได้ฟ้องขอให้บังคับเกี่ยวกับตัวทรัพย์ดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำแก่โจทก์10,000 บาท กับดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องเป็นเงิน 228 บาท และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 20,228 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้น 20,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา คดีนี้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โจทก์ฟ้องต่อศาลจังหวัดลพบุรีโดยไม่ได้ร้องขออนุญาต เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยคืนเงินมัดจำแก่โจทก์10,000 บาทกับดอกเบี้ยก่อนฟ้อง 228 บาท และใช้ค่าเสียหาย 5,000 บาทกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้น 15,000 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(1) หมายถึงการฟ้องบังคับแก่ตัวทรัพย์นั้น เช่น ฟ้องให้จำเลยโอนอสังหาริมทรัพย์ตามสัญญาจะซื้อขายหรือฟ้องให้บังคับตามสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะต้องบังคับถึงตัวทรัพย์เช่น ฟ้องให้บังคับจำนอง เป็นต้นคดีนี้จำเลยทำสัญญาจะขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในจังหวัดจันทบุรีให้โจทก์ แต่จำเลยผิดสัญญาและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อขายแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายคืน และเรียกค่าเสียหาย เป็นการฟ้องให้บังคับตัวจำเลย เป็นหนี้เหนือบุคคล ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามสัญญาจะซื้อขาย เพราะไม่ได้ฟ้องขอให้บังคับเกี่ยวกับตัวทรัพย์ดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดลพบุรีที่จำเลยมีภูมิลำเนาได้
พิพากษายืน.

Share