คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ซื้อรถจักรยานยนต์จากผู้ที่ตั้งร้านค้าขายรถประเภทเดียวกัน ซึ่งถือเป็นพ่อค้าขายของชนิดนั้น แม้จะปรากฏว่ารถคันที่ซื้อมานั้นผู้ขายผิดสัญญาเช่าซื้อกับเจ้าของเดิม ผู้ซื้อก็ยังมีสิทธิที่จะยังไม่คืนรถให้แก่เจ้าของเดิม เว้นแต่เจ้าของเดิมจะชดใช้ราคาให้แก่ผู้ซื้อ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ 1 คัน โดยซื้อผ่อนใช้จากนายจุ้น ทับเที่ยง ได้ชำระเงินครบแล้ว จำเลยเอารถไปขอให้บังคับจำเลยคืนรถให้โจทก์ หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้เงิน 5,000 บาท

จำเลยให้การว่ารถคันพิพาทเป็นของจำเลยนายจุ้น ทับเที่ยง ซื้อจากจำเลยแล้วผิดสัญญาเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในรถจึงยังเป็นของจำเลยนายจุ้น ทับเที่ยง ไม่มีสิทธินำไปขายให้โจทก์ ขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นเรียกนายจุ้น ทับเที่ยง เข้าเป็นโจทก์ร่วมตามคำร้องของโจทก์ โจทก์ร่วมแถลงว่า ได้ขายรถพิพาทให้โจทก์และโจทก์ได้ชำระราคาครบถ้วนแล้ว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยให้จำเลยใช้ราคารถพิพาทให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ซื้อรถรายพิพาทจากร้านค้าของโจทก์ร่วมโดยวิธีผ่อนส่ง ได้ชำระราคาครบถ้วนและรับมอบรถไปจากโจทก์ร่วมแล้ว และฟังได้ต่อไปว่าเดิมรถรายพิพาทเป็นของจำเลยโจทก์ร่วมเช่าซื้อไปจากจำเลยเอาไปขาย แต่โจทก์ร่วมไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อให้จำเลย ศาลเห็นว่าโจทก์ซื้อรถรายพิพาทมาโดยสุจริตจากโจทก์ร่วมซึ่งตั้งร้านค้าอยู่ที่ตลาดและขายรถจักรยานยนต์ชนิดเดียวกับรถรายพิพาท โจทก์ร่วมจึงเป็นพ่อค้าขายของชนิดนั้น โจทก์จึงมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 ที่จะยังไม่คืนรถรายพิพาทให้จำเลย เว้นแต่จำเลยจะชดใช้ราคาตามจำนวนที่โจทก์ซื้อมา เมื่อจำเลยขายรถพิพาทแก่ผู้อื่นไปแล้ว ย่อมต้องรับผิดคืนเงิน 5,000 บาทแก่โจทก์

พิพากษากลับ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share