แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การสอบสวนของจำเลยจะชอบด้วยกระบวนการสอบสวนหรือไม่ ย่อมต้องมีข้อเท็จจริงที่จะนำมาพิจารณาปรับเข้ากับข้อกฎหมาย เมื่อโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวไว้ในคำฟ้องจึงไม่มีประเด็นการสอบสวนชอบหรือไม่ จำเลยจึงไม่จำเป็นที่จะต้องนำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกขึ้นวินิจฉัยว่ากระบวนการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็นธรรมต่อจำเลย เพราะหากมีประเด็นนี้ในศาลชั้นต้น จำเลยอาจจะนำสืบข้อเท็จจริงต่างจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยก็ได้ การที่จะยกข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยขึ้นวินิจฉัยเองจะต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกคำสั่งแพทยสภาที่ 2/2541 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2541
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า คำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องโจทก์กับพวกไม่มีผลต่อการสอบสวนด้านจริยธรรมโจทก์ และเหตุที่อัยการจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งไม่ฟ้องโจทก์เป็นเพราะคดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งแพทยสภาที่ 2/2542 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2541
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาวินิจฉัยประการแรกตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 หยิบยกกระบวนการสอบสวนของจำเลยขึ้นวินิจฉัยโดยที่โจทก์มิได้กล่าวอ้างมาในคำฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การสอบสวนของจำเลยจะชอบด้วยกระบวนการสอบสวนหรือไม่ ย่อมต้องมีข้อเท็จจริงที่จะนำมาพิจารณาปรับเข้ากับข้อกฎหมาย เมื่อโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวไว้ในคำฟ้องจึงไม่มีประเด็นการสอบสวนชอบหรือไม่ จำเลยจึงไม่จำเป็นที่จะต้องนำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกขึ้นวินิจฉัยว่ากระบวนการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็นธรรมต่อจำเลยเพราะหากมีประเด็นนี้ในศาลชั้นต้น จำเลยอาจจะนำสืบข้อเท็จจริงต่างจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยก็ได้ การที่จะยกข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยขึ้นวินิจฉัยเอง จะต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น และเพื่อมิให้คดีต้องล่าช้าศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังมิได้วินิจฉัยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาใหม่…”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง