คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบแหวนเพ็ชรของผู้เสียหายไป 1 วง โดยจำเลยรับว่าจะเอาไปขายให้ ถ้าขายไม่ได้ก็จะเอามาคืนให้ ครั้นแล้วจำเลยได้มีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกแหวนเพ็ชรหรือเงินค่าแหวนนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ดังนี้เป็นฟ้องที่จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้ดี จำเลยย่อมรู้สึกอยุ่แก่ตนว่า ยักยอกแหวนหรือยักยอกเงินค่าแหวนที่ขายได้ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
รับแหวนของเขาไปเพื่อจะนำไปขายตามคำสั่งขอผู้มอบหมายนั้น ผู้รับมอบมีฐานะเป็นตัวแทน ฉะนั้นเมื่อได้รับเงินค่าขายแหวนไว้ ก็หมายความว่ารับไว้ในฐานเป็นตัวแทนเขาด้วย และมีหน้าที่จะต้องนำส่งเงินนี้แก่ผู้มอบหมาย ถ้ายักยอกเอาเงินนี้ไว้เสียโดยทุจริต ก็เป็นความผิดฐานยักยอกในทางอาญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๒ เวลากลางวันจำเลยได้รับมอบแหวนเพ็ชร ๑ วงราคา ๓๘๐๐ บาท ของนางจันทรดี ไว้โดยจำเลยรับจะเอาไปขายให้ ถ้าขายแหวนดั่งกล่าวแล้วไม่ได้ ก็จะเอามาคืนให้ ในระหว่างวันดังกล่าวถึงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๙๒ จำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกแหวนเพ็ชรหรือเงิน ๓๘๐๐ บาทนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย หรือมิฉะนั้นในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๒ เวลากลางวัน จำเลยมีเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงเอาแหวนเพ็ชรนี้ไป ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงและยักยอก
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดฐานฉ้อโกงโจทก์ไม่มีพยานแสดงว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเท็จมาแต่แรก ข้อหาฐานนี้จึงตกไป ส่วนข้อหาฐานยักยอกถือว่าฟ้องเคลือบคลุมตามฎีกาที่ ๑๒๖/๒๔๙๒ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์กล่าวหาในฐานยักยอกทรัพย์นั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยสามารถจะเข้สใจข้อหาได้ดี จำเลยย่อมรุ้สึกอยู่แก่ตนว่า ยักยอกแหวนของเขาหรือยักยอกเงินค่าแหวนที่ขายได้
การที่จำเลยรับแหวนไปจากผู้เสียหาย เพื่อจะนำเอาไปขายตามคำสั่งของผู้เสียหาย ผู้มอบหมายนั้น จำเลยมีฐานะเป็นตัวแทนของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยได้รับเงืนค่าขายแหวนไว้ก็หมายความว่ารับไว้ในฐานะเป็นตัวแทนผู้เสียหาย เงินที่จำเลยรับไว้นั้นเป็นเงินของผู้เสียหายมีผลเสมือนหนึ่งผู้เสียหายได้มอบหมายเงินนั้นไว้แก่จำเลย เพราะเงินค่าแหวนก็คือแทนแหวนนั้นนั่นเอง จำเลยมีหน้าที่จะต้องนำส่งให้แก่ผู้เสียหายตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๘๑๐ ถ้าจำเลยเบียดบังเงินตามจำนวนที่เจ้าทรัพย์กำหนดสั่งไว้นั้น เอาเป็นประโยชน์ตนหรือคนอื่นโดยทางทุจริต ก็เป็นความผิดฐานยักยอกในทางอาญาได้อีกสถานหนึ่งนอกจากผิดสัญญาในทางแพ่ง
ส่วนข้อเท็จจริง ฟังว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกแหวนของเจ้าทรัพย์ไปจริง จึงพิพากษายืน

Share