แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องสอดซึ่งมิได้เป็นโจทก์หรือผู้เแทนโจทก์ย่อมไม่ต้องถูกผูกมัดตามคำพิพากษาในคดีนั้นและมาฟ้องคดีอีกได้ ไม่ถือว่าฟ้องซ้ำ
ทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นของตนทั้งหมด ถ้าศาลเห็นว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ให้ศาลแบ่งให้ได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการนอกฟ้องคำขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกนายแกนนางเบี้ยวปู่ย่าโจทก์ และของนายเหน็งบิดาโจทก์ จำเลยต่อสู้หลายประการ ได้ความว่า เมื่อนายแกนปู่โจทก์ตาย จำเลยได้ฟ้องขอแบ่งมฤดกนายแกนมาครั้งหนึ่งซึ่งคู่ความได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันตามคดีแพ่งแดงที่ ๘๓/๒๔๘๘ ซึ่งนางหมุก มารดาโจทก์ได้ร้องสอด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์กันบางอย่างและยกฟ้องบางอย่าง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ฉะเพาะให้เอาที่นาหนองเลือดซึ่งเป็นสินสมรสของนายแกนนางเบี้ยวมาแบ่งกันตามส่วนอย่าง นาหนองหงษ์ ส่วนได้ของนายเหน็งให้โจทก์ทั้ง ๓ รับไปนอกนั้นยืน
จำเลยและนางจีดผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญายอมความในคดีแพ่งแดงที่ ๘๓/๒๔๘๘ ไม่มีชื่อโจทก์ – คดีนี้เป็นคู่ความด้วยและไม่ปรากฎว่านางหมุกมารดาโจทก์เป็นผู้แทนโจทก์ สัญญายอมความฉะบับนั้นจึงไม่ผูกพันโจทก์และเห็นว่า คดีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ใด ๆ เป็นของตนทั้งหมดถ้าพิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง เมื่อศาลเห็นสมควรจะพิพากษาให้โจทก์รับแต่ส่วนแบ่งก็ได้ตาม ม.๑๔๒ ป.ม.วิ.แพ่ง ม. ๑๔๒ ไม่ถือว่าเป็นการผิดคำฟ้องพิพากษายืน