คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นขณะจำเลยทั้งสองลักทรัพย์ของผู้เสียหายก็ตาม แต่หลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าพนักงานตามไปจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมของกลางซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งของผู้เสียหาย ทั้งยังยึดเศษปลาที่อยู่ในกระทะ ซึ่งเมื่อตรวจพิสูจน์แล้วพบว่ามีสารพิษชนิดเม็ทโธมิลติดอยู่และเป็นสารพิษชนิดเดียวกับที่ติดอยู่ที่เศษปลาทอดในปากสุนัขของผู้เสียหายที่ตาย อันเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการนำอาหารผสมสารพิษดังกล่าวเบื่อสุนัขในบ้านของผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกแก่การเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ทั้งในชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองก็ให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์ทันที พยานหลักฐานของโจทก์มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงสอดคล้องและใกล้ชิดกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองมาตลอดจึงบ่งชี้ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายที่ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายหลายคนร่วมกันเข้าไปในบ้านของนางเทพฤดี พรไตรผู้เสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้ปลาทอดผสมสารพิษเบื่อสุนัขของผู้เสียหายตายแล้วคนร้ายใช้ของแข็งงัดลูกบิดประตูบ้านของผู้เสียหายจนหลุด และเข้าไปลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายรวม 12 รายการ เป็นเงิน 51,526 บาท ไปโดยทุจริต ในวันเดียวกันเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองได้ พร้อมเหรียญชนิดต่าง ๆ รวมเป็นเงิน 26 บาทของผู้เสียหาย และกระเป๋าใส่เงิน 1 ใบซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสองและยึดได้เศษปลาทอด 1 ถุง กับกระทะ 1 ใบ ซึ่งจำเลยทั้งสองใช้ทอดปลาและนำไปเบื่อสุนัขของผู้เสียหายเป็นของกลาง ทั้งนี้ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวจำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหาย หรือมิฉะนั้นวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยทั้งสองร่วมกันรับเหรียญของกลาง อันเป็นทรัพย์บางส่วนของผู้เสียหายโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เหตุลักทรัพย์และรับของโจรเกิดที่แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5682/2541 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3)(7)(8), 357, 83 คืนเหรียญชนิดต่าง ๆ คิดเป็นเงิน 26 บาทแก่ผู้เสียหาย ของกลางอื่นให้ริบทั้งสิ้น และนับโทษของจำเลยที่ 1 ต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5683/2541 ของศาลชั้นต้น กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนโทรทัศน์สี 1 เครื่อง เครื่องเล่นวิดีโอเทป 1 เครื่อง เจ้าแม่กวนอิมเลี่ยมทอง 4 องค์ พระควัมเลี่ยมทอง 1 องค์ และลูกแก้วเลี่ยมทอง 10 ลูก หรือใช้ราคาเป็นเงิน 51,500 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)(7)(8) วรรคสอง, 83 จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 2 ปี คืนเหรียญชนิดต่าง ๆ คิดเป็นเงิน 26 บาทแก่ผู้เสียหาย ริบของกลาง กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนโทรทัศน์สี1 เครื่อง เครื่องเล่นวิดีโอเทป 1 เครื่อง เจ้าแม่กวนอิมเลี่ยมทอง 4 องค์ พระควัมเลี่ยมทอง1 องค์ และลูกแก้วเลี่ยมทอง 10 ลูก หรือใช้ราคาเป็นเงิน 51,500 บาทแก่ผู้เสียหายส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5682/2541 ของศาลชั้นต้นนั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่นับโทษต่อให้

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ให้คืนกระทะของกลางแก่จำเลยที่ 1 คืนของกลางเหรียญชนิดต่าง ๆ และกระเป๋าใส่เงินแก่จำเลยที่ 2 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันรับฟังเป็นยุติได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ได้มีคนร้ายเข้าไปในบ้านของนางเทพฤดีพรไตร ผู้เสียหาย ใช้ปลาผสมสารพิษเบื่อสุนัขที่ผู้เสียหายเลี้ยงไว้ตายไป 3 ตัว แล้วลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปจำนวน 12 รายการ รวมเป็นเงิน 51,526 บาท ปรากฏตามบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้ายเอกสารหมาย จ.1 ในวันเดียวกันนั้นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบเศษปลาทอดติดอยู่ที่ปากสุนัขที่ตายและเศษปลาทอดที่ตกอยู่ในบ้านของผู้เสียหาย จากนั้นได้ไปตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 พบจำเลยทั้งสองอยู่ที่บ้าน ตรวจค้นในบ้านของจำเลยที่ 1 พบเศษอาหารคล้ายปลาทอดติดอยู่ในกระทะที่บ้านของจำเลยที่ 1จึงยึดไว้เป็นของกลาง และตรวจค้นตัวจำเลยที่ 2 พบเงินชนิดเหรียญห้าบาท เหรียญบาทเหรียญห้าสิบสตางค์ เหรียญยี่สิบห้าสตางค์ รวมเป็นเงิน 26 บาท และกระเป๋าใส่เงิน1 ใบ ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าเงินและกระเป๋าใส่เงินดังกล่าวเป็นของผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนได้ส่งเศษปลาทอดที่พบในปากสุนัขและในบริเวณบ้านของผู้เสียหายกับที่พบอยู่ในกระทะที่บ้านของจำเลยที่ 1 พร้อมกระทะของกลางไปตรวจพิสูจน์ ผลการตรวจปรากฏว่ามีสารพิษชนิดเม็ทโธมิลผสมอยู่และมีสารพิษดังกล่าวติดอยู่ที่กระทะของกลางด้วยตามรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย ป.จ.2 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายที่ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีร้อยตำรวจเอกสยุมภู เจียงพุทรา เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยทั้งสองเป็นพยานเบิกความว่า หลังจากพยานได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายแล้ว จึงรีบเดินทางไปที่บ้านของผู้เสียหาย พบผู้เสียหายและเห็นสุนัขที่ผู้เสียหายเลี้ยงไว้ถูกวางยาเบื่อตายไป 3 ตัวโดยพบเศษปลาทอดซึ่งน่าจะผสมยาเบื่ออยู่ที่ปากสุนัขที่ตายและยังพบเศษปลาทอดตกอยู่ในบริเวณบ้านของผู้เสียหายอีก พยานจึงยึดไว้เป็นของกลาง ขณะนั้นผู้เสียหายแจ้งว่า สงสัยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคนงานรับจ้างก่อสร้างและมีบ้านพักอยู่ห่างจากบ้านของผู้เสียหายประมาณ 300 เมตร เป็นคนร้าย เพราะก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 ถึง 4 วันเวลากลางคืน ผู้เสียหายเห็นจำเลยที่ 1 เดินผ่านไปมาหน้าบ้านของผู้เสียหายหลายครั้งพยานจึงให้ผู้เสียหายพาไปที่บ้านของจำเลยที่ 1 ทันที พบจำเลยทั้งสองอยู่ที่บ้าน พยานขอตรวจค้นบ้าน ผลการตรวจค้นพบเศษอาหารอยู่ในกระทะซึ่งมีลักษณะคล้ายปลาทอดที่พบในบ้านของผู้เสียหายจึงยึดไว้เป็นของกลางและตรวจค้นตัวจำเลยที่ 2 พบเหรียญชนิดต่าง ๆ แบบเก่าของกลาง ผู้เสียหายยืนยันว่าเหรียญชนิดต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายที่เก็บสะสมไว้ พยานจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองว่าร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.3 นอกจากนี้โจทก์ยังมีร้อยตำรวจเอกวีรพงษ์ บรรพลิตานนท์ ผู้ตรวจพิสูจน์เศษปลาทอดและกระทะของกลาง เป็นพยานเบิกความสนับสนุนว่า ผลการตรวจพิสูจน์ของกลางดังกล่าวพบสารชนิดเม็ทโธมิล ซึ่งชาวบ้านเรียกว่ายาเบื่อติดอยู่ที่ของกลางถ้าสัตว์กินสารพิษนั้นเข้าไปจะทำให้ตายได้ภายใน 5 นาที ตามรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย ป.จ.2 เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นขณะจำเลยทั้งสองลักทรัพย์ของผู้เสียหายก็ตาม แต่หลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าพนักงานตำรวจก็ตามไปจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมเหรียญชนิดต่าง ๆ ของกลางซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งของผู้เสียหายที่ตัวจำเลยที่ 2 พร้อมทั้งยึดเศษปลาที่อยู่ในกระทะ และกระทะของกลางที่บ้านของจำเลยที่ 1 ซึ่งเมื่อตรวจพิสูจน์แล้วปรากฏว่ามีสารพิษชนิดเม็ทโธมิลติดอยู่และเป็นสารพิษชนิดเดียวกับที่ติดอยู่ที่เศษปลาทอดในปากสุนัขที่ตาย อันเป็นการบ่งชี้ให้เห็นอย่างใกล้ชิดว่าจำเลยทั้งสองต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการนำอาหารผสมสารพิษดังกล่าวเบื่อสุนัขในบ้านของผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกแก่การเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของผู้เสียหาย อีกทั้งในชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองก็ให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจในวันเกิดเหตุทันที ย่อมไม่มีเวลาที่จะคิดปรุงแต่งข้อเท็จจริงขึ้นได้จึงเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามความเป็นจริงด้วยความสมัครใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งพยานโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติราชการไปตามหน้าที่ไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองมาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสอง เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งสองเบิกความไปตามความเป็นจริง ซึ่งจากพยานหลักฐานดังกล่าวมาของโจทก์มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงสอดคล้องและใกล้ชิดกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองมาตลอด จึงบ่งชี้ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายที่ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายตามฟ้องไป ที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่าจำเลยทั้งสองถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายร่างกายโดยใช้เชือกมัดเท้าและใช้ผ้าปิดตา จากนั้นใช้น้ำราดและใช้ไฟฟ้าช็อตบังคับให้จำเลยทั้งสองรับสารภาพนั้นก็คงมีตัวจำเลยทั้งสองเบิกความกล่าวอ้างอย่างลอย ๆเท่านั้น โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนแต่อย่างใดคำเบิกความของจำเลยทั้งสองจึงมีน้ำหนักน้อยและไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

อนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ากระเป๋าใส่เงินของกลางนั้นเป็นของผู้เสียหาย จึงมิใช่ทรัพย์สินซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1) ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนแก่จำเลยที่ 2 จึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้คืนแก่ผู้เสียหายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225”

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ให้คืนกระเป๋าใส่เงินของกลางแก่ผู้เสียหาย

Share