คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6792/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คโดยกล่าวอ้างและนำสืบว่าจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด เพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินที่บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด กู้ไปจากโจทก์ร่วม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ยังไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ยืมเงิน ดังนั้นสัญญากู้ยืมเงินย่อมไม่สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 650 วรรคสอง จึงถือไม่ได้ว่าบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด เป็นหนี้โจทก์ร่วมตามสัญญากู้ยืมเงิน การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงอันจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ป.อ. มาตรา 83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายเอี่ยมศักดิ์ เลาหะวิสุทธิ์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาตและจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ลงโทษจำคุก 1 ปี
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้จากคำเบิกความของโจทก์ร่วมตอบคำถามค้านและจากคำเบิกความของนางสว่างศรี พยานโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมได้โอนเงินกู้ตามสัญญากู้เงินของศาลแขวงเชียงใหม่เข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 ตามใบเสร็จรับฝากเงินของศาลแขวงเชียงใหม่ และตามเอกสารดังกล่าว ระบุผู้รับเงินเป็นชื่อ และชื่อสกุลย่อของจำเลยที่ 2 กับระบุผู้นำฝากเป็นชื่อสกุลของนางสว่างศรี ซึ่งเป็นเหตุผลให้น่าเชื่อว่าผู้นำฝากเงินคือ นางสว่างศรี และผู้รับเงินจำนวน 5,500,000 บาท คือ จำเลยที่ 2 ความข้อนี้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 นำสืบว่า บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ซึ่งเป็นผู้กู้ยืมเงินตามสัญญากู้เงินดังกล่าวข้างต้นไม่ได้รับเงินกู้จากโจทก์ร่วม และคดีได้ความจากคำเบิกความของ จำเลยที่ 1 กับนางสาวนาตยา พยานจำเลยที่ 1 น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ได้บอกหมายเลขบัญชีของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ซึ่งเปิดไว้ที่ธนาคารไทยทนุ จำกัด สาขาลาดหลุมแก้ว ให้นายสว่างศรีทราบ และถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้ทราบถึงหมายเลขบัญชีของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ที่เปิดไว้แล้ว ดังนั้น หากโจทก์ร่วมหรือนางสว่างศรีกระทำการอย่างตรงไปตรงมาโดยความซื่อสัตย์ โจทก์ร่วมหรือนางสว่างศรีก็ควรโอนเงินที่ให้กู้ยืมแก่บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ที่ธนาคารไทยทนุ จำกัด สาขาลาดหลุมแก้ว แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า มีการโอนเงินที่ให้กู้ยืมกันครั้งนี้เข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวมาแล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปจึงมีว่า การที่โจทก์ร่วมหรือนางสว่างศรีโอนเงินกู้ดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 นั้นจะถือได้หรือไม่ว่าบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ผู้กู้ได้รับมอบเงินกู้ไว้โดยชอบแล้วโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับไว้แทน เห็นว่า การรับมอบเงินกู้กรณีนี้เป็นการทำนิติกรรมอย่างหนึ่ง หากจะทำให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์เพื่อให้มีผลผูกพันบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ผู้กู้ ย่อมจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด โดยกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท 2 คน ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 รับเงินกู้แทน แต่จากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ปรากฏว่าได้มีการมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับเงินกู้ดังกล่าวจากโจทก์ร่วมแทนบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ผู้กู้แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังได้ความจากทางนำสืบของจำเลยที่ 1 ว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเงินกู้จำนวนดังกล่าวจากโจทก์ร่วมแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่ได้นำเงินกู้นั้นมาใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด แต่อย่างใด และไม่ปรากฏว่าบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ได้ให้สัตยาบันการรับเงินกู้ของจำเลยที่ 2 ว่าเป็นการรับไว้แทนบริษัท ยิ่งกว่านั้นจากข้อเท็จจริงที่ว่านางสว่างศรีทราบดีอยู่แล้วว่าหมายเลขบัญชีที่บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ผู้กู้ประสงค์จะให้โอนเงินเข้าบัญชีนั้นเป็นหมายเลขบัญชีที่เท่าใดของธนาคารไทยทนุ จำกัด สาขาลาดหลุมแก้ว แทนที่นางสว่างศรีจะโอนเงินให้แก่บริษัทฟาร์มอ่างทอง รีสอร์ท จำกัด ผู้กู้โดยตรง แต่กลับโอนเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 และไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้โอนเงินกู้เข้าบัญชีของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ผู้กู้ หรือนำไปใช้ในกิจการของบริษัทแต่อย่างใดดังกล่าวมาแล้ว ประกอบกับเมื่อมีการดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองแล้ว ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้ถอนคำร้องทุกข์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2 แล้ว และคดีได้ความจากนางสาวนาตยาอีกว่า ในวันทำสัญญากู้ยืมของศาลแขวงเชียงใหม่ นางสาวนาตยาและนางสาวเนตรนภาได้โทรศัพท์สอบถามไปที่ธนาคารไทยทนุ จำกัด สาขาลาดหลุมแก้ว หลายครั้งก็ไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ นางสาวนาตยาได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2 บอกว่าจะจัดการเอง ต่อมาจำเลยที่ 2 ก็ไม่ยอมเข้าสำนักงาน ทราบว่าจำเลยที่ 2 ได้ซื้อรถยนต์ 1 คัน หลังจากนั้นได้เดินทางไปต่างประเทศ จากพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้มีเจตนาจะรับเงินกู้จากโจทก์ร่วมมาเพื่อใช้จ่ายในกิจการของบริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ผู้กู้ ข้อเท็จจริง จึงฟังได้ต่อไปว่า บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ไม่ได้รับมอบเงินกู้จากโจทก์ร่วมแต่ประการใด ดังนั้น สัญญากู้เงินของศาลแขวงเชียงใหม่ จึงไม่บริบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 650 วรรคสอง สัญญากู้เงินดังกล่าวไม่มีผลผูกพันและใช้บังคับแก่บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด ผู้กู้ไม่ได้ บริษัทฟาร์มอ่างทองรีสอร์ท จำกัด จึงไม่ได้มีหนี้ต่อโจทก์ร่วมอยู่จริง ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทฟาร์อ่างทองรีสอร์ท จำกัด เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท เพื่อชำระหนี้ที่ไม่มีอยู่จริงและบังคับไม่ได้ตามกฎหมายแก่โจทก์ร่วม จึงไม่เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง เมื่อได้วินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 ในปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว คดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 ในปัญหาข้ออื่นๆ อีกต่อไปที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share