แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีแรงงาน จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่อ้างว่า ในวันนัดพิจารณาทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่นที่ได้นัดไว้ก่อนแล้ว จึงทำคำให้การคำร้องขอเลื่อนการพิจารณา และใบแต่งทนายความมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นต่อศาลแรงงานระหว่างเดินทางเสมียนทนายจำเลยประสบปัญหาการจราจรติดขัดจึงเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ทางด่วน แต่รถแท็กซี่เสมียนจำเลยโดยสารมาเครื่องยนต์เสียอยู่บนทางด่วนเสมียนทนายจำเลยมาถึงศาลแรงงานเลยกำหนดนัดเพียง 15 นาที เสมียนทนายจำเลยเข้าไปนั่งรอในห้องพิจารณา แต่ผู้พิพากษาไม่ออกนั่งพิจารณาเมื่อไปตรวจสอบที่ศูนย์หน้าบัลลังก์จึงทราบว่าได้ย้ายห้องพิจารณาไปที่ห้องพิจารณาอื่น เสมียนทนายจำเลยตามไปห้องพิจารณานั้น แต่ปรากฏว่า ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดีนี้ และเสร็จการพิจารณาก่อนเสมียนทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาต่อผู้พิพากษาให้ห้องพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าเจ้าหน้าที่งานรับฟ้องของศาลแรงงานประทับตรารับในคำให้การ คำร้องขอเลื่อนการพิจารณา และใบแต่งทนายความของจำเลยระบุว่า ได้ร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนเวลาที่ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดีตามที่ระบุไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ดังนี้ หากข้อเท็จจริงเป็นตามคำร้องจำเลยดังกล่าวก็แสดงว่า มีเหตุจำเป็น ซึ่งศาลแรงงานควรไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้นก่อนตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 41 ที่ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนก่อนจึงไม่ชอบ
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 41 ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วว่าในการขอพิจารณาใหม่ให้โจทก์หรือจำเลยแถลงให้ศาลแรงงานทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ และศาลแรงงานมีอำนาจไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้น ไม่ได้บัญญัติให้โจทก์หรือจำเลยต้องกล่าวโดยละเอียดถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแรงงานด้วย จึงไม่นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง มาอนุโลมใช้ในคดีแรงงาน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 18,667 บาท ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จค่าจ้างค้างจ่าย 32,000 บาท ค่าชดเชย 40,000 บาท และค่าเสียหาย 50,000 บาท จำเลยขาดนัด ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 9,333.33 บาท ค่าจ้างค้างจ่าย 32,000 บาท ค่าชดเชย 40,000 บาทแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์จำเลยว่าคำสั่งศาลแรงงานกลางที่ให้ยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยโดยไม่ไต่สวนก่อนชอบหรือไม่ จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่อ้างว่า ในวันที่ 20 มกราคม 2542 ซึ่งเป็นวันนัดพิจารณาทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลจังหวัดมีนบุรีที่ได้นัดไว้ก่อนแล้วจึงทำคำให้การ คำร้องขอเลื่อนการพิจารณา และใบแต่งทนายความมอบฉันทะให้นายสุกิจ มหาสวัสดิ์ เสมียนทนายมายื่นต่อศาลแรงงานกลาง ระหว่างเดินทางเสมียนทนายจำเลยประสบปัญหาการจราจรติดขัดจึงเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ทางด่วนสายบางโคล่แจ้งวัฒนะแต่รถแท็กซี่ที่เสมียนจำเลยโดยสารมาเครื่องยนต์เสียอยู่บนทางด่วน เสมียนทนายจำเลยต้องขอร้องเจ้าหน้าที่ทางด่วนที่มาช่วยเหลือให้ไปส่งที่ทางลงถนนพระราม 4 เสมียนทนายจำเลยมาถึงศาลแรงงานกลางเวลา 14.15 นาฬิกา เลยกำหนดนัดเพียง 15 นาที เสมียนทนายจำเลยเข้าไปนั่งรอในห้องพิจารณาที่ 21 แต่ผู้พิพากษาไม่ออกนั่งพิจารณาเกิดความสงสัย เมื่อไปตรวจสอบที่ศูนย์หน้าบัลลังก์จึงทราบว่าได้ย้ายห้องพิจารณาไปที่ห้องพิจารณาที่ 24 เสมียนทนายจำเลยตามไปห้องพิจารณาที่ 24 เวลา 14.40 นาฬิกา ปรากฏว่าผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดีนี้เมื่อเวลา 14.30 นาฬิกา และเสร็จการพิจารณาก่อนเสมียนทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาต่อผู้พิพากษาในห้องพิจารณา ประกอบกับข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่า เจ้าหน้าที่งานรับฟ้องของศาลแรงงานกลางประทับตรารับในคำให้การ คำร้องขอเลื่อนการพิจารณาและใบแต่งทนายความของจำเลย ระบุว่ารับวันที่ 20 มกราคม 2542 (วันนัดพิจารณา) เวลา 14.20 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดีตามที่ระบุไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 41 กำหนดให้จำเลยที่ถูกศาลแรงงานสั่งขาดนัดแถลงให้ศาลแรงงานทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลแรงงานมีคำสั่ง ศาลแรงงานมีอำนาจไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้นได้ และหากเห็นเป็นการสมควรให้ศาลแรงงานมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งขาดนัดและดำเนินกระบวนพิจารณาที่ได้กระทำหลังจากที่ได้มีคำสั่งขาดนัดนั้นใหม่เสมือนมิได้เคยมีกระบวนพิจารณาเช่นว่านั้น จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่และได้ยื่นคำร้องนี้ภายในกำหนดที่ศาลแรงงานกลางสั่งขยายให้ ถ้าข้อเท็จจริงเป็นตามคำร้องจำเลยดังกล่าวก็แสดงว่ามีเหตุจำเป็น ซึ่งศาลแรงงานกลางควรไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้นก่อน ที่ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนก่อนนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยแก่โจทก์หรือไม่ เพราะเป็นเพียงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง แต่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 41 ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วว่าในการขอพิจารณาใหม่ให้โจทก์หรือจำเลยแถลงให้ศาลแรงงานทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ และศาลแรงงานมีอำนาจไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้น ไม่ได้บัญญัติให้โจทก์หรือจำเลยต้องกล่าวโดยละเอียดถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแรงงานด้วย จึงไม่นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง มาอนุโลมใช้
พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลางที่สั่งยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลย ให้ศาลแรงงานกลางไต่สวนคำร้องแล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี