แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยให้โจทก์ลงลายมือชื่อในคำฟ้องเสียให้บริบูรณ์แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาตาม มาตรา 243 (2) คดีย่อมเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลอุทธรณ์ภาค 8 โดยที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของโจทก์เสียด้วยและสั่งคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่โจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 151 วรรคหนึ่ง แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้สั่งให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ ก็ต้องถือว่าอุทธรณ์ของโจทก์ตกไปในตัว เพราะกระบวนพิจารณาต้องไปเริ่มที่ศาลชั้นต้นใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจาณาให้ทนายโจทก์ลงลายมือชื่อในช่องผู้เรียงพิมพ์ในคำฟ้องบริบูรณ์แล้วพิพากษายกฟ้อง หากโจทก์ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป โจทก์ต้องทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ ซึ่งศาลชั้นต้นมีหน้าที่ตรวจอุทธรณ์และมีคำสั่งให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 232 การที่โจทก์อุทธรณ์โดยขอถือเอาอุทธรณ์ฉบับเดิมที่ยื่นไว้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใหม่และตกไปแล้วเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตามบทบัญญัติดังกล่าว และมีคำสั่งให้โจทก์ทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาตามความประสงค์ของโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีอำนาจยกอุทธรณ์ของโจทก์ได้ก็ตาม แต่อุทธรณ์ที่ไม่ชอบนั้นเกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่มิได้สั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์ตั้งแต่แรก เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นผิดหลงส่งอุทธรณ์ที่ตกไปแล้วไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่ให้โอกาสแก่โจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งที่โจทก์ยังประสงค์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการยื่นอุทธรณ์อันเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านของโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยให้โจทก์ลงลายมือชื่อในคำฟ้องเสียให้บริบูรณ์แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ และคืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นส่วนที่เกิน 4,100 บาท แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นให้ทนายโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องโดยลงลายมือชื่อในช่อง ผู้เรียงพิมพ์ในคำฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ โดยขอถือเอาอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ และจำเลยขอถือเอาคำแก้อุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นคำแก้อุทธรณ์ของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ชอบหรือไม่ เห็นว่า ในชั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยให้โจทก์ลงลายมือชื่อในคำฟ้องเสียให้บริบูรณ์แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (2) คดีย่อมเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลอุทธรณ์ภาค 8 โดยที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของโจทก์เสียด้วยและสั่งคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 วรรคหนึ่ง แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้สั่งให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ ก็ต้องถือว่าอุทธรณ์ของโจทก์ตกไปในตัว เพราะกระบวนพิจารณาต้องไปเริ่มที่ศาลชั้นต้นใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจาณาให้ทนายโจทก์ลงลายมือชื่อในช่องผู้เรียงพิมพ์ในคำฟ้องบริบูรณ์แล้วพิพากษายกฟ้อง หากโจทก์ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป โจทก์ต้องทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ ซึ่งศาลชั้นต้นมีหน้าที่ตรวจอุทธรณ์และมีคำสั่งให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 การที่โจทก์อุทธรณ์โดยขอถือเอาอุทธรณ์ฉบับเดิมที่ยื่นไว้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใหม่และตกไปแล้วเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตามบทบัญญัติดังกล่าว และมีคำสั่งให้โจทก์ทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาตามความประสงค์ของโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีอำนาจยกอุทธรณ์ของโจทก์ได้ก็ตาม แต่อุทธรณ์ที่ไม่ชอบนั้นเกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่มิได้สั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์ตั้งแต่แรก เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นผิดหลงส่งอุทธรณ์ที่ตกไปแล้วไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่ให้โอกาสแก่โจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งที่โจทก์ยังประสงค์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการยื่นอุทธรณ์อันเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดและส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ เสร็จแล้วให้ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาพิพากษาใหม่ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งสองครั้งทั้งหมดแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนและชั้นฎีกาให้เป็นพับ