แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่22ตุลาคม2536เวลากลางวันถึงวันที่18มิถุนายน2537เวลากลางคืนหลังเที่ยงกรรมหนึ่งกับกระทำความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่2เมษายน2537เวลากลางวันถึงวันที่18มิถุนายน2537เวลากลางคืนหลังเที่ยงอีกกรรมหนึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรและคดีไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องสืบพยานโจทก์อีกข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจร2กรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม 2536 ถึงวันที่18 มิถุนายน 2537 ได้มีคนร้ายลักเอาวิทยุสเตอริโอ ยี่ห้อเจวีซี1 เครื่อง ราคา 10,058 บาท หูฟังซาวด์อะเบาท์ 1 ชุด ราคา495 บาท นาฬิกาตั้งโต๊ะ 1 เรือน ราคา 300 บาท เครื่องรับโทรศัพท์ยี่ห้อโกลด์สตาร์ 1 เครื่อง ราคา 875 บาท รวมราคาทรัพย์ทั้งสิ้น11,728 บาท ของบริษัทห้างเซ็นทรัลดีพาทเม้นท์สโตร์ จำกัดผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปดังกล่าวและอยู่ในความครอบครองของจำเลยเป็นของกลาง โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์สินต่าง ๆดังกล่าว ของผู้เสียหายไป หรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับของโจรซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกลักไปดังกล่าว โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ และระหว่างวันที่ 2 เมษายน 2537 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 18 มิถุนายน2537 เวลากลางคืนหลังเที่ยงได้มีคนร้ายลักไมโครไฟน ยี่ห้อทีอีวี ทีเอ็ม 1 ตัว ราคา 900 บาท และชุดถ้วยกาแฟ 1 ชุด ราคา300 บาท รวมราคาทรัพย์สิน 1,200 บาท ของบริษัทห้างเซ็นทรัลดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริตเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักเอาไปดังกล่าว และอยู่ในความครอบครองของจำเลยเป็นของกลางทั้งนี้ โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์สินต่าง ๆ ดังกล่าวของผู้เสียหายไปโดยทุจริต หรือจำเลยได้รับของโจรซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปดังกล่าวโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 91
จำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก รวม 2 กระทง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 4 ปีจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดกี่กรรมนั้นต้องพิจารณาจากคำฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่22 ตุลาคม 2536 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2537เวลากลางคืนหลังเที่ยง กรรมหนึ่ง กับกระทำความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่ 2 เมษายน 2537 เวลากลางวัน ถึงวันที่18 มิถุนายน 2537 เวลากลางคืนหลังเที่ยง อีกกรรมหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร และคดีไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องสืบพยานโจทก์อีก ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจร 2 กรรม
พิพากษาแก้เป็นว่า ในความผิดฐานรับของโจรไมโครโฟน กับชุดถ้วยกาแฟรวมราคาทรัพย์สิน 1,200 บาท จำคุก 1 ปี 6 เดือนรวมโทษจำคุก 2 กระทง จำคุก 3 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี9 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์