คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6752/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีสินค้าของกลางประเภทกระเป๋าใส่เครื่องกีฬารวมจำนวน 285 ใบ ที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของ ผู้เสียหายทั้งสองไว้เพื่อจำหน่ายและเสนอจำหน่ายในคราวเดียวกัน แม้สินค้าของกลางจะมีเครื่องหมายการค้าทั้งปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหายทั้งสอง แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาในผลของการกระทำเป็น อย่างเดียวกันคือ มุ่งแสวงหากำไรจากการจำหน่ายสินค้าของกลางดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔, ๑๐๘, ๑๐๙, ๑๑๐, ๑๑๕ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๙๑ และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือน และปรับ ๓๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี และริบของกลาง คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมต่างกันมิใช่เป็นกรรมเดียวเป็น ความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้ากระเป๋าใส่เครื่องหมายการค้า ” ” (โอคลีย์) จำนวน ๑๘๐ ใบ และ ” ” (ไนกี้) จำนวน ๑๕ ใบ อันเป็นเครื่องหมายการค้าที่มีผู้ทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหายทั้งสองโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่มีการปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายทั้งสอง และจำเลยได้มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้ากระเป๋าใส่เครื่องกีฬา จำนวน ๙๐ ใบ ที่มีเครื่องหมายการค้ารูปและคำว่า ” ” เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีผู้ทำเลียนเครื่องหมายการค้า ” ” (ไนกี้) ที่แท้จริงของผู้เสียหายที่ ๒ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายที่ ๒ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่มีการเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายที่ ๒ แม้สินค้าของกลางจะมีเครื่องหมายการค้าทั้งปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหายที่ ๒ แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาในผลของการกระทำเป็นอย่างเดียวกันคือ มุ่งที่จะแสวงหากำไรจากการจำหน่ายสินค้าของกลางจำนวนนั้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกัน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้พิจารณาถึงสภาพความผิดของจำเลยรวมทั้งจำนวนสินค้าของกลางที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายแล้ว เห็นว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปํญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยก่อนลดโทษจำคุก ๑ ปี และปรับ ๖๐,๐๐๐ บาท มานั้นหนักเกินไป เห็นสมควรแก้ไขกำหนดโทษจำเลยเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่ความผิดของจำเลย และที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยมิได้แยกปรับบทมาตราเป็นฐานความผิดแต่ละฐานให้ชัดเจน รวมทั้งมิได้ปรับบทประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ มาด้วยนั้น ยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องเสียด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๐ (๑) ประกอบด้วยมาตรา ๑๐๘ บทหนึ่ง และมาตรา ๑๑๐ (๑) ประกอบด้วยมาตรา ๑๐๙ อีกบทหนึ่ง อันเป็นกรรมเดียวเป็น ความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา ๑๑๐ (๑) ประกอบด้วยมาตรา ๑๐๘ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๓ เดือน และปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามเดิม นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share