คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่ผู้แทนโจทก์เป็นผู้รับมอบไว้แล้ว การบังคับคดีจึงเป็นอันเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วตามกฎหมาย โจทก์ย่อมมีสิทธิเข้าครอบครองที่ดินพิพาทได้ทันทีนับแต่รับมอบที่ดินพิพาท การที่โจทก์ไม่เข้าครอบครองที่ดินพิพาทจนกระทั่งจำเลยเข้ามารบกวนการครอบครองอีก ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่รบกวนสิทธิของโจทก์ที่เกิดขึ้นใหม่ในภายหลังที่การบังคับคดีในคดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว โจทก์ชอบที่จะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่และบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทและใช้ค่าเสียหาย คดีถึงที่สุด โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยทั้งสี่ทราบ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันครบกำหนดแล้วจำเลยทั้งสี่และบริวารไม่ออกจากที่ดินพิพาท โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อจัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศขับไล่จำเลยทั้งสี่และบริวาร วันที่ 29 เมษายน 2542 เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้แทนโจทก์แถลงว่าไม่พบจำเลยหรือบริวารอยู่ในที่ดินพิพาท ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่ผู้แทนโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจแล้ว เมื่อไม่มีผู้ใดขัดขวางเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ผู้แทนโจทก์แล้วในวันดังกล่าว

ต่อมาวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2543 โจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ไม่สามารถครอบครองที่ดินพิพาทได้ เนื่องจากจำเลยและบริวารเข้าขัดขวางอันถือได้ว่าจำเลยและบริวารไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและหมายบังคับคดี ขอให้นัดพร้อมศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำแถลง

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2543 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลย หรือทำการไต่สวน หรือสั่งให้เจ้าพนักงานสอบสวนข้อเท็จจริงว่าจำเลยและบริวารพร้อมทรัพย์สินยังคงอยู่ในที่ดินพิพาทหรือไม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2543 โจทก์ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียังบังคับคดีไม่เสร็จสิ้น จำเลยและบริวารพร้อมทรัพย์สินยังคงอยู่ในที่ดินพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่ได้ขับไล่จำเลยและบริวารและยังไม่ได้รื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินของจำเลยและบริวารออกไปขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการบังคับคดีให้เสร็จสิ้นต่อไปหรือทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ความจริงหรือออกหมายจับจำเลยและบริวารหรือทำการไต่สวนให้ได้ความจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการบังคับคดีเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ เห็นว่า ตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีฉบับลงวันที่ 29 เมษายน 2542 ได้รายงานต่อศาลชั้นต้นว่าเมื่อไปถึงที่ดินพิพาทพร้อมผู้แทนโจทก์ไม่พบจำเลยทั้งสี่หรือบริวารอยู่ในที่ดินพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่ผู้แทนโจทก์เป็นผู้รับมอบไว้ ดังนั้น การบังคับคดีจึงเป็นอันเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วตามกฎหมาย โจทก์ย่อมมีสิทธิเข้าครอบครองที่ดินพิพาทได้ทันทีนับแต่รับมอบที่ดินพิพาท การที่โจทก์ไม่เข้าครอบครองที่ดินพิพาทจนกระทั่งจำเลยเข้ามารบกวนการครอบครองอีก ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่รบกวนสิทธิของโจทก์ที่เกิดขึ้นใหม่ในภายหลังที่การบังคับคดีในคดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วโจทก์ชอบที่จะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share