แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อการโอนทรัพย์พิพาทถูกเพิกถอนแล้วผู้คัดค้านจะเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่ย่อมเป็นไปตามกฎหมายการที่ศาลไม่ได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้มิใช่เป็นการตัดสิทธิของผู้คัดค้านแต่อย่างใดนอกจากนี้บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเพราะการโอนถูกเพิกถอนตามพระราชบัญญัติ ล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา114เป็นบุคคลผู้ไม่สุจริตขอรับชำระหนี้ไม่ได้เพราะเป็นกรณีนอกเหนือจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ที่ศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลูกหนี้ (จำเลย) ล้มละลายเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2533 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2533 และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2534
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ลูกหนี้ได้โอนขายที่ดินรวม 3 แปลงคือที่ดินโฉนดเลขที่ 175601, 175892 และ 191256 แขวงบางนาเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 21/593ให้แก่ผู้คัดค้านไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2531 ซึ่งอยู่ภายในระยะเวลา 3 ปี ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน โดยกรรมการบางคนของผู้คัดค้านเป็นกรรมการของลูกหนี้และยังเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันด้วยย่อมทราบฐานะการเงินและกิจการซึ่งกันและกันดี อีกทั้งกรรมการข้างต้นยังเป็นกรรมการของบริษัทดาวา จำกัด ซึ่งยอมรับว่าผู้คัดค้านเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน นอกจากนี้ผู้คัดค้านเพิ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทเพียง 5 วัน ประกอบกับทำสัญญาซื้อทรัพย์พิพาทจากลูกหนี้ในราคา 2,000,000 บาท แต่นำไปจำนองธนาคารได้วงเงินสูงถึง 2,100,000 บาท แสดงให้เห็นว่าเป็นการสมยอมกันทำนิติกรรมขึ้นโดยมีเจตนาไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนเพื่อยักย้ายถ่ายเททรัพย์ของลูกหนี้ ขอให้เพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 114 และให้กลับคืนสู่ฐานะเดิมโดยปลอดภาระผูกพันใด ๆและให้โอนทรัพย์พิพาทคืนกองทรัพย์สินของลูกหนี้ หากไม่โอนให้ถือเอาคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของผู้คัดค้านถ้าไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาทรัพย์พิพาทแทนเป็นเงิน 5,081,562 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนทรัพย์พิพาทจากลูกหนี้โดยการซื้อขาย ซึ่งลูกหนี้นำเงินค่าขายทรัพย์พิพาทชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองทรัพย์พิพาทให้แก่ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์จำกัด แล้วจดทะเบียนโอนขายให้แก่ผู้คัดค้านต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนในวันเดียวกัน การดำเนินกิจการของลูกหนี้และผู้คัดค้านเป็นไปตามมติของกรรมการหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหนี้สินของโจทก์และหนี้รายอื่นของลูกหนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ลูกหนี้โอนทรัพย์พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านแล้วและภายหลังรับโอนผู้คัดค้านลงทุนตกแต่งปรับปรุงอาคารทรัพย์พิพาทใช้เป็นสำนักงานสิ้นค่าใช้จ่ายนับล้านบาท จากนั้นจึงนำไปจำนองแก่ธนาคารผู้รับจำนองรายใหม่ โดยมีหลักทรัพย์และกรรมการบริหารเข้าค้ำประกันหนี้ธนาคารจึงตีราคาจำนองทรัพย์พิพาทให้สูง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 175601,175892 และ 191256 แขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 21/593 ระหว่างบริษัทคิงแมชินเนอรี่จำกัด ลูกหนี้ (จำเลย) ผู้โอน กับบริษัทดาวา แมชินเนอรี่ จำกัดผู้คัดค้าน ผู้รับโอน ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 และให้กลับคืนสู่ฐานะเดิมโดยปลอดจากภาระผูกพันใด ๆให้โอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนกองทรัพย์สินของลูกหนี้หากไม่โอนให้ถือเอาคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของผู้คัดค้าน ถ้าไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านใช้ราคาแทนเป็นเงิน 5,081,562 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้าน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้คัดค้าน ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2533 ลูกหนี้ถูกฟ้องให้ล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2533ปรากฎว่าลูกหนี้โอนทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 175601,175892 และ 191256 ตำบลบางนา อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร(ปัจจุบันแขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร) พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 21/593 ให้แก่ผู้คัดค้านไปเมื่อวันที่29 มิถุนายน 2531 ซึ่งอยู่ภายในระยะเวลา 3 ปี ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านข้อแรกว่า ผู้คัดค้านรับโอนทรัพย์พิพาทจากลูกหนี้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าตามพฤติการณ์ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า ผู้คัดค้านรับโอนทรัพย์พิพาทจากลูกหนี้โดยสุจริต และมีค่าตอบแทนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 114
ที่ผู้คัดค้านฎีกาข้อสุดท้ายว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทแล้ว แต่ไม่ได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้เป็นการไม่ชอบนั้นเห็นว่า เมื่อการโอนทรัพย์พิพาทถูกเพิกถอนแล้ว ผู้คัดค้านจะเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่ย่อมเป็นไปตามกฎหมายการที่ศาลไม่ได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้มิใช่เป็นการตัดสิทธิของผู้คัดค้านแต่อย่างใด นอกจากนี้บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเพราะการโอนถูกเพิกถอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 เป็นบุคคลผู้ไม่สุจริต ขอรับชำระหนี้ไม่ได้ เพราะเป็นกรณีนอกเหนือจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ ที่ศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน