แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 500 บาทโทษจำรอ 2 ปีของกลางริบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง โจทก์ฎีกาขอให้ริบของกลางไม่ได้ เพราะโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2517 มาตรา 6
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพาอาวุธปืนสั้นพร้อมกระสุนปืนของจำเลยที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ที่จะต้องมีอาวุธปืนติดตัวไปเหตุเกิดที่ตำบลหนองขาหย่าง อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานีขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และสั่งริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ รับสารภาพลดกึ่งแล้วจำคุก 3 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำรอไว้ 2 ปี ริบของกลางตาม (ประมวลกฎหมายอาญา) มาตรา 371
จำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ริบปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง แต่ให้คืนแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์นำพฤติการณ์ในการพกพาอาวุธปืนของจำเลยมาพิจารณาก็เพื่อใช้ดุลพินิจว่าสมควรริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางหรือไม่ ฎีกาโจทก์จึงเป็นเรื่องโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 6 ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาโจทก์มาเป็นการไม่ชอบ
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์