แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมให้โจทก์เช่าทำนาต่อไปอีกในปีการทำนา 2518 ตามข้อสัญญาดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยตกลงให้โจทก์ได้เช่าทำนาในปี 2518 ต่อไปมิได้มีข้อความว่าโจทก์ตกลงเช่านาพิพาทเพียง 1 ปีทั้งไม่มีข้อความว่าโจทก์สละสิทธิการเช่านาพิพาทในปีต่อๆ ไปจำเลยย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 มาตรา 31โจทก์มีสิทธิเช่านาของจำเลยต่อไปโดยได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 5
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่านาจำเลยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 โดยเช่าครั้งละ 1 ปีติดต่อกันตลอดมา ในปี พ.ศ. 2518 โจทก์ได้เช่านาดังกล่าวอีก เมื่อสิ้นปีการทำนาโจทก์ประสงค์จะเช่านาทำต่อไปจนครบกำหนด 6 ปี ตามที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า ในปีการทำนา 2518 โจทก์ได้ขอเช่าทำนาเพียงปีเดียวได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันมีสารสำคัญว่าโจทก์ขอทำนาในปี 2518 อีกปีเดียวเท่านั้น จึงเป็นการสละสิทธิของโจทก์ที่จะไม่เข้าทำนาในปี 2519 และปีต่อ ๆ ไป ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน คู่ความแถลงขอให้ศาลวินิจฉัยสัญญาประนีประนอมยอมความอย่างเดียวว่า โจทก์มีสิทธิเช่าทำนาของจำเลยต่อไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 หรือไม่ ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ถือว่าโจทก์เลิกการเช่านา โจทก์มีสิทธิเช่านาต่อไปโดยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 5 พิพากษาให้จำเลยยอมให้โจทก์เช่านาแปลงพิพาทเพื่อทำนาเป็นเวลา 6 ปี นับแต่ปีการทำนาพ.ศ. 2518 เป็นต้นไป
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าจำเลยยอมให้โจทก์เช่าทำนาต่อไปอีกในปีการทำนา 2518 ตามข้อสัญญาดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยตกลงให้โจทก์ได้เช่าทำนาในปี 2518 ต่อไป มิได้มีข้อความว่าโจทก์ตกลงเช่านาพิพาทเพียง 1 ปี ทั้งไม่มีข้อความว่าโจทก์สละสิทธิการเช่านาพิพาทในปีต่อ ๆ ไป ดังนั้น จำเลยย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 31 โจทก์จึงมีสิทธิเช่านาของจำเลยต่อไป โดยได้รับความคุ้มครองตามบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายืน