แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ท้าให้จำเลยฟันเพื่อทดลองคาถาอาคมซึ่งตนเชื่อถือและอวดอ้างว่าตนอยู่คงนั้น เป็นการที่โจทก์ได้ยอมหรือสมัครใจให้ จำเลยทำต่อร่างกาย เป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ตามกฎหมายจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงฟ้องจำเลย ให้รับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ไม่ได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2510)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันทำร้ายโจทก์ จนโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วันและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ป่วยเจ็บเรื้อรังแขนอาจพิการตลอดชีวิต ศาลมณฑลทหารบกที่ 5 พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย 36,834 บาท
จำเลยให้การว่า ได้ใช้มีดพร้าฟันทำร้ายร่างกายโจทก์จริงต่อสู้ว่าโจทก์เสพสุรามึนเมาแล้วอวดอ้างว่าเป็นผู้อยู่คงกระพันฟันไม่เข้า ให้จำเลยลองฟัน จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ยอมให้จำเลยฟัน ไม่เป็นการละเมิดพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการละเมิด พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 1,044 บาท กับดอกเบี้ย
โจทก์ฎีกา จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยฟันโจทก์เพราะโจทก์อ้างว่าเป็นผู้อยู่คงและท้าทายให้จำเลยลองฟันดู จำเลยจึงฟันชอบด้วยรูปคดีแล้ว
ปัญหามีว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์หรือไม่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การที่โจทก์ท้าให้จำเลยฟันเพื่อทดลองคาถาซึ่งตนเชื่อถือและอวดอ้างว่าตนอยู่คงนั้น เป็นการที่โจทก์ได้ยอมหรือสมัครใจให้จำเลยทำต่อร่างกายตน เป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ตามกฎหมายจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้รับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ไม่ได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น