คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5052/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ทำสัญญารับจ้างรักษาความปลอดภัยให้แก่ทรัพย์สินของ อ. จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัย วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 20 นาฬิกา จำเลยที่ 1 เข้าเวรทำหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัยประจำร้านของ อ. จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแลป้องกันรักษาทรัพย์สินของ อ. ทุกชนิดไม่ว่าเป็น อาคาร พาหนะ และทรัพย์สินใด ตลอดจนตรวจตราป้องกันการทำให้ทรัพย์สินของ อ. เสียหาย ดังที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างระหว่างจำเลยที่ 2 กับ อ. การที่จำเลยที่ 1 ขับรถตู้ของ อ. ไปหาเพื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาตในขณะที่จำเลยที่ 1 เข้าเวรทำหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัยประจำร้านของ อ. ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถตู้ด้วยความประมาทเลินเล่อชนท้ายรถยนต์อื่นเป็นเหตุให้รถตู้ของ อ. คันดังกล่าวได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ อ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 288,246 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 277,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ และจำเลยที่ 1 ไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2538 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถตู้หมายเลขทะเบียน 2 ฝ -5914 กรุงเทพมหานคร จากองค์การค้าของคุรุสภา ผู้เอาประกันภัย มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2537 ถึงวันที่30 มิถุนายน 2538 จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด รับจ้างจัดส่งเจ้าหน้าที่เวรยามรักษาความปลอดภัยไปประจำที่องค์การค้าของคุรุสภา และเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้เข้าเวรยามรักษาความปลอดภัยที่ร้านศึกษาภัณฑ์ ราชบพิธ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งขององค์การค้าของคุรุสภา เวลาประมาณ20 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ได้ขับรถตู้หมายเลขทะเบียน 2 ฝ – 5914 กรุงเทพมหานครขององค์การค้าของคุรุสภา ไปตามถนนพหลโยธิน ถึงหลักกิโลเมตรที่ 49 ถึง 50ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยความประมาทเลินเล่อชนท้ายรถยนต์บรรทุกสิบล้อ เป็นเหตุให้รถตู้หมายเลขทะเบียน 2 ฝ -5914 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย เจ้าพนักงานตำรวจได้แจ้งข้อหาจำเลยที่ 1 ว่า ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จึงได้เปรียบเทียบปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 400 บาทโจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่องค์การค้าคุรุสภาไปแล้ว 450,000 บาท ต่อมาโจทก์ขายทอดตลาดซากรถที่โจทก์รับประกันภัยไปเป็นเงิน 172,500 บาท จึงรับช่วงสิทธิต่อจากองค์การค้าของคุรุสภามาเรียกร้องเงินส่วนที่ยังขาดจากจำเลยทั้งสอง

คดีคงมีปัญหาในชั้นฎีกาเพียงว่า จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 2 ทำสัญญารับจ้างรักษาความปลอดภัยให้แก่ทรัพย์สินขององค์การค้าของคุรุสภาตามสัญญาจ้างเหมารักษาความปลอดภัยเอกสารหมาย จ.7จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยวันเกิดเหตุประมาณ 20 นาฬิกา ขณะจำเลยที่ 1 เข้าเวรทำหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัยประจำร้านศึกษาภัณฑ์ ราชบพิธ ขององค์การค้าของคุรุสภา จำเลยที่ 1 ได้ขับรถตู้หมายเลขทะเบียน 2 ฝ – 5914 กรุงเทพมหานคร ขององค์การค้าของคุรุสภาที่โจทก์รับประกันภัยไว้ไปหาเพื่อน จำเลยที่ 1 ขับรถไปตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปทางจังหวัดพระนครศรีอยธยา เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 49 ถึง 50 ตำบลเชียงรากน้อยอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนท้ายรถยนต์บรรทุกสิบล้อ รถตู้คันดังกล่าวได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1เป็นยามมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยและมีหน้าที่ดูแลป้องกันรักษาทรัพย์สินขององค์การค้าของคุรุสภาทุกชนิด ไม่ว่าเป็น อาคาร พาหนะ และทรัพย์สินใดตลอดจนตรวจตราป้องกันการทำให้ทรัพย์สินขององค์การค้าของคุรุสภาเสียหาย ดังที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างเหมารักษาความปลอดภัย เอกสารหมาย จ.7 ข้อ 4 การที่จำเลยที่ 1ขับรถตู้ขององค์การค้าของคุรุสภาไปหาเพื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต ในขณะที่จำเลยที่ 1เข้าเวรทำหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัย ประจำร้านศึกษาภัณฑ์ ราชบพิธ ขององค์การค้าของคุรุสภา ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1ขับรถตู้ด้วยความประมาทเลินเล่อชนท้ายรถยนต์บรรทุกสิบล้อ รถตู้คันดังกล่าวได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิจากองค์การค้าของคุรุสภา

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความในศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share