แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การจะพิจารณาว่าสัญญาประกันที่มีกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของผู้ร้องเป็นหลักประกันนั้นเป็นสัญญาประกันตัวจำเลยเพื่อให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว หรือเป็นสัญญาประกันการชำระหนี้ค่าปรับ ต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ รูปแบบ และเนื้อความแห่งสัญญาประกันที่ศาลเลือกใช้ ในคดีนี้ปรากฏว่า กรมธรรม์ประกันอิสรภาพที่ผู้ร้องออกให้ไว้แก่ศาลนั้น ผู้ร้องรับรองต่อศาลว่าหากจำเลยไม่มาศาล ผู้ร้องก็จะชำระเงินให้แก่ศาลในวงเงิน 90,000 บาท ข้อความตามสัญญาประกันในคดีนี้จึงมีลักษณะเป็นการรับรองว่าจำเลยจะมาศาลเมื่อถึงวันครบกำหนดชำระค่าปรับตามที่ศาลอนุญาตให้ผัดชำระค่าปรับ อันเป็นสัญญาประกันตัวจำเลยเพื่อขอให้ศาลปล่อยตัวจำเลยชั่วคราวไม่ใช่สัญญาประกันเพื่อการชำระหนี้ค่าปรับที่ในชั้นที่สุดจะบังคับเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของค่าปรับตามคำพิพากษา จึงจะนำเงินที่ผู้ร้องนำมาชำระค่าปรับตามสัญญามาเป็นส่วนหนึ่งแห่งค่าปรับตามคำพิพากษาไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1), 70 วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า จำเลยกระทำความผิดซ้ำภายในห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ ระวางโทษสองเท่าตามมาตรา 73 คงจำคุก 3 เดือนและปรับ 101,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และเห็นควรคุมประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจำนวน 8 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี และให้จำเลยกระทำกิจการบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรจำนวน 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้อง จำนวน 60 แผ่น ให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และให้จ่ายเงินค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยยื่นคำร้องขอผัดชำระค่าปรับและขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้กรมธรรม์ประกันอิสรภาพหลังการกระทำผิดเป็นหลักประกันตามกรมธรรม์เลขที่ 100 – 50 – 638 – 1 – 001120 ที่ออกโดยผู้ร้องมาวางไว้ต่อศาลเป็นหลักประกัน และผู้ร้องมีหนังสือรับรองต่อมา จำเลยผู้ประกันผิดสัญญาประกันโดยไม่มาตามนัดต่อศาล ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงสั่งให้ผู้ร้องนำเงินค่าปรับจำนวน 90,000 บาท มาชำระต่อศาล
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ลดค่าปรับ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า สัญญาประกันที่มีกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของผู้ร้องเป็นหลักประกันนั้น เป็นสัญญาประกันตัวจำเลยเพื่อให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวหรือเป็นสัญญาประกันการชำระหนี้ค่าปรับ ซึ่งการจะพิจารณาว่าเป็นสัญญาประกันประเภทใดนั้น ต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ รูปแบบ และเนื้อความแห่งสัญญาประกันที่ศาลเลือกใช้ สำหรับในคดีนี้ ปรากฏว่าศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งไว้ในคำพิพากษาว่า หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 จากนั้นจำเลยชำระค่าปรับบางส่วนและยื่นคำร้องขอผัดชำระค่าปรับส่วนที่เหลือ และขอศาลให้โอกาสจำเลยเพื่อออกไปหาเงินชำระค่าปรับจนครบถ้วนเป็นเวลา 30 วัน และขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างผัดชำระค่าปรับโดยใช้กรมธรรม์ประกันอิสรภาพที่ออกโดยผู้ร้องเป็นหลักประกันรายละเอียดปรากฏตามคำร้องฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2550 ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาตตามคำร้องดังกล่าวและอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวรายละเอียดปรากฏตามคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2550 ทั้งนี้ตามสัญญาประกันฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2550 มีข้อความว่า ผู้ประกันสัญญารับประกันตัวจำเลย เพื่อให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยจนกว่าผู้ประกันได้นำจำเลยมามอบตัวต่อศาล และศาลสั่งให้ถอนประกันหรือปล่อยตัวไป ทั้งนี้ตามกรมธรรม์ประกันอิสรภาพที่ผู้ร้องซึ่งเป็นบริษัทรับประกันภัยออกให้ไว้แก่ศาล นั้น ผู้ร้องรับรองต่อศาลว่า หากจำเลยไม่มาศาล ผู้ร้องก็จะชำระเงินให้แก่ศาลในวงเงิน 90,000 บาทปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองของผู้ร้องแนบท้ายคำร้องขอ ให้ปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าวต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2550 จำเลยผิดสัญญาประกัน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางออกหมายจับและปรับนายประกันตามสัญญาประกัน วันที่ 25 พฤษภาคม 2550 จำเลยมาศาลและขอให้เพิกถอนหมายจับและงดปรับนายประกัน กับทั้งขอใช้หลักประกันเดิมและสัญญาประกันเดิมที่วางไว้ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต จำเลยชำระค่าปรับตามคำพิพากษาเรื่อยมาจนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2550 จำเลยไม่มาศาลเพื่อชำระค่าปรับส่วนที่เหลือ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงออกหมายจับจำเลยและปรับนายประกันตามสัญญา ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 11 กันยายน 2550 ตามพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบกับข้อความตามสัญญาประกันในคดีนี้จึงมีลักษณะเป็นการรับรองว่าจำเลยจะมาศาลเมื่อถึงวันครบกำหนดชำระค่าปรับตามที่ศาลอนุญาตให้ผัดชำระค่าปรับ อันเป็นสัญญาประกันตัวจำเลยเพื่อขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งไม่ใช่สัญญาประกันเพื่อการชำระหนี้ค่าปรับที่ในชั้นที่สุดจะบังคับเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของค่าปรับตามคำพิพากษา จึงจะนำเงินที่ผู้ร้องชำระค่าปรับตามสัญญามาเป็นส่วนหนึ่งแห่งค่าปรับตามคำพิพากษาไม่ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นว่าเป็นสัญญาประกันการชำระหนี้ค่าปรับ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า สมควรลดค่าปรับแก่ผู้ร้องหรือไม่ เห็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งปรับผู้ร้องตามคำสั่งวันที่ 12กันยายน 2550 ในรายงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวและหมายแจ้งคำสั่งไปยังผู้ร้อง ผู้ร้องนำเงินมาชำระค่าปรับตามสัญญาวันที่ 24 เมษายน 2551 ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2554 เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวจำเลยมาส่งศาล โดยปรากฏตามบันทึกการจับกุมเอกสารท้ายหนังสือขอส่งตัวจำเลยของกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษว่า ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องมีส่วนช่วยเหลือติดตามจนจับกุมจำเลยได้ เห็นว่า ผู้ร้องไม่ได้บิดพลิ้วในการนำเงินมาชำระค่าปรับ และได้ใช้ความพยายามขวนขวายและมีส่วนช่วย เจ้าพนักงานตำรวจให้นำตัวจำเลยมาศาลได้ จึงเห็นสมควรลดค่าปรับลงอีก คงปรับ 40,000 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดค่าปรับให้แก่ผู้ร้องกรณีผิดสัญญาประกันลงอีกคงปรับเป็นเงิน 40,000 บาท