แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ มิได้ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดข้อแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดี หรือขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงควรเสียค่าขึ้นศาล 50 บาท โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่มิได้โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาให้แก่โจทก์ในชั้นฎีกา แม้โจทก์จะขอให้ศาลฎีกาสั่งคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็ขอถอนฎีกาเสียแล้ว ปัญหาค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จึงเป็นอันยุติ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปนั้นไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งห้าและจำเลยที่ 1 เป็นบุตรของนางบุญมี อิทธิคมผู้ตาย จำเลยที่ 2 เป็นสามีจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองลอบไปไถ่ถอนที่ดินที่นางบุญมีขายฝากไว้กับนางสาวหัทยา ปฏิมาวิรุจน์ โดยหลอกลวงผู้รับซื้อฝากว่าจะเอาไปแบ่งให้บรรดาทายาทแล้วไม่แบ่งให้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองโอนที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินทั้งสองแปลงหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับซื้อฝากแล้วจำเลยทั้งสองซื้อมาจากผู้รับซื้อฝากโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเอาที่ดินนั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งห้าฎีกา โดยเสียค่าขึ้นศาล 50 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ 200,000 บาท โจทก์มิได้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มให้ครบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลฎีกามีคำสั่งว่า โจทก์ฎีกาเพียงแต่ขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไป มิได้ขอให้ชี้ขาดข้อแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดี โจทก์เสียค่าขึ้นศาล 50 บาทชอบแล้ว ศาลชั้นต้นจึงรับฎีกาโจทก์
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ครั้นก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งของศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฎีกาได้ 8 วัน โจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ไว้ 5,000 บาท ซึ่งความจริงควรเสียเพียง 50บาท ขอให้ศาลคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษามาแล้ว จึงไม่คืนให้”
โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ ขอให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ฉบับแรกของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ มิได้ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดข้อแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดี หรือขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจึงควรเสียค่าขึ้นศาล 50 บาท โจทก์เสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้อง แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาให้แก่โจทก์ แม้โจทก์จะฎีกาด้วยว่าศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์ 200,000 บาท เป็นการไม่ชอบ โจทก์ควรเสียค่าขึ้นศาล 50 บาทขอให้ศาลฎีกาสั่งคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ถอนฎีกาเสียแล้วปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จึงเป็นอันยุติ ศาลฎีกาจะสั่งคืนให้โจทก์หาได้ไม่ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน