คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6724/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่โจทก์ในฐานะผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ร้องขอให้ศาลออกคำบังคับให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบริวารออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ตรี เป็นการใช้สิทธิบังคับคดีของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา อันเป็นขั้นตอนการบังคับคดีภายหลังจากโจทก์ฝ่ายชนะคดีได้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยฝ่ายแพ้คดีภายในระยะเวลา 10 ปี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 แล้ว จึงมิใช่กรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาและมิใช่การใช้สิทธิของโจทก์ในฐานะที่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลย จึงไม่อาจนำบทบัญญัติเกี่ยวกับระยะเวลาการบังคับคดีที่ให้นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 271 มาบังคับได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ 1,521,946.04 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 1,406,355.28 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ถ้าไม่ชำระให้ยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 463/364 ตำบลงิ้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดบังคับจำนอง หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้บังคับจากทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองได้จนครบ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์จึงขอออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของจำเลยที่2 ออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
โจทก์ในฐานะผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 463/364 พร้อมสิ่งปลูกสร้างได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีและได้จดทะเบียนใส่ชื่อของโจทก์ในฐานะเจ้าของที่ดินแล้ว แต่ปรากฏว่าจำเลยและบริวารยังคงอาศัยอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ขอให้ศาลออกคำบังคับให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกคำบังคับภายใน 30 วัน นับแต่จำเลยได้รับคำบังคับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาว่า โจทก์ในฐานะผู้ซื้อทรัพย์ได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งออกคำบังคับส่งให้แก่จำเลยทั้งสองโดยชอบแล้ว การบังคับคดีของโจทก์เป็นการกระทำในฐานะผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งถือเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ตรี มิใช่เป็นการรับสิทธิของโจทก์ผู้ฟ้องคดีมาบังคับคดีซึ่งจะต้องร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง สิทธิในการบังคับคดีของโจทก์ในฐานะผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่ขาดอายุความ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่โจทก์ในฐานะผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์มาจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานบังคับคดีโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ขายให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ซื้อได้ร้องขอ ให้ศาลออกคำบังคับให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและบริวารซึ่งไม่ยอมออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ตรี เป็นการใช้สิทธิบังคับคดีของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์มาจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอันเป็นขั้นตอนการบังคับคดีภายหลังจากโจทก์ฝ่ายชนะคดีซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ฝ่ายแพ้คดีซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลา 10 ปี ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว กรณีมิใช่เรื่องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาและมิใช่การใช้สิทธิของโจทก์ที่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 จึงไม่อาจนำบทบัญญัติเกี่ยวกับระยะเวลาการบังคับคดีตามมาตรา 271 มาบังคับได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งให้ออกคำสั่งบังคับให้จำเลยที่ 2 และบริวารออกไปจากที่พิพาทนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share