แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
บริษัทจำเลยและบริษัท บ. แม้จะเป็นบริษัทในเครือเดียวกันและมีผู้บริหารชุด เดียวกัน แต่บริษัทดังกล่าวต่างจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดซึ่งตามกฎหมายย่อมมีฐานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกันบริษัท บ. มิได้เป็นสาขาของจำเลย ฉะนั้นการที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติงานที่บริษัท บ. โดยโจทก์ไม่ยินยอมพร้อมใจด้วยจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.พ.พ. มาตรา 577 การที่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามจึงมิใช่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ทั้งห้าสำนวนฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าโดยไม่มีความผิดและไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งห้า จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 และจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ที่ 1 และที่ 2
จำเลยให้การว่า จำเลยสั่งย้ายโจทก์ทั้งห้าให้ไปช่วยงานที่ภัตตาคารบ้านคุณหลวงซึ่งเป็นภัตตาคารในเครือเดียวกันกับจำเลย แต่โจทก์ทั้งห้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยเป็นการจงใจฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างอันเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ทั้งโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างแทนการใช้สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานวินิจฉัยว่า การที่จำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งห้าไปทำงานที่บริษัทบ้านคุณหลวงจำกัด เป็นเรื่องการโอนสิทธิการจ้างของนายจ้างให้แก่บุคคลภายนอก ซึ่งนายจ้างจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577 เมื่อโจทก์ทั้งห้าไม่ยินยอม คำสั่งของจำเลยดังกล่าวจึงไม่ใช่คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์ย่อมไม่ปฏิบัติตามได้ เมื่อโจทก์ก็ไม่ได้กระทำความผิดคำเตือนของจำเลยจึงไม่มีผล ส่วนเงินค่าบริการนั้นไม่ใช่ค่าจ้างที่จะนำมาเป็นฐานคำนวณค่าชดเชยหรือเงินอื่น ๆ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งห้า จ่ายสินจ้างแทนการบอกล่วงหน้าแก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2และที่ 3 และจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ที่ 1ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่าบริษัทจำเลยประกอบกิจการขายอาหาร โดยใช้ชื่อว่า ภัตตาคารจิตรโภชนาตั้งอยู่ที่ชั้น 13 ตึกรวมทุนไทย วังบรูพา บริษัทจำเลยมีบริษัทในเครือซึ่งประกอบกิจการประเภทเดียวกัน 5 สาขา แต่ละสาขาก็จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด บริษัทบ้านคุณหลวง จำกัด ก็เป็นบริษัทหนึ่งในเครือของจำเลย มีผู้บริหารกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากกิจการค้าขายของจำเลยไม่ดี จำเลยจึงเลิกกิจการ และมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งห้าไปปฏิบัติงานที่บริษัทบ้านคุณหลวงจำกัด แต่โจทก์ทั้งห้าไม่ยอมไป คดีมีปัญหาที่จะได้วินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์ทั้งห้าฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ ซึ่งในปัญหาดังกล่าวนี้ จำเลยทั้งห้าสำนวนอุทธรณ์ว่า แม้บริษัทจำกัดและบริษัทบ้านคุณหลวง จำกัด จะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน แต่ก็เป็นภัตตาคารจิตรโภชนา ซึ่งมีสัญญลักษณ์อักษาตัว จ. โดยมีผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทชุดเดียวกันทั้ง 5 สาขา ถือได้ว่าเป็นสาขาหรือภัตตาคารในเครือเดียวกันจำเลยจึงมีสิทธิย้ายลูกจ้างให้ไปทำงานที่ภัตตาคารในเครือเดียวกันได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577 เมื่อโจทก์ทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามจึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า บริษัทจำเลยและบริษัทบ้านคุณหลวง จำกัด แม้จะเป็นบริษัทในเครือเดียวกันและมีผู้บริหารชุดเดียวกันดังอุทธรณ์ของจำเลยก็ตาม แต่บริษัทดังกล่าวต่างก็จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ซึ่งตามกฎหมายย่อมมีฐานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน บริษัทบ้านคุณหลวง จำกัด มิได้เป็นสาขาของบริษัทจำเลยแต่อย่างใด ฉะนั้นการที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งห้าไปปฏิบัติงานที่บริษัทบ้านคุณหลวง จำกัด โดยโจทก์ทั้งห้าไม่ยินยอมพร้อมใจด้วย จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 577 การที่โจทก์ทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามจึงมิใช่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.