คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+อาญาซึ่งอัยยการเป็นโจทก์ฟ้องแลศาลชั้นต้น+แล้ว แม้คดียังไม่ถึง+ผู้เสียหายก็ไม่มีอำนาจ+ฟ้องในความผิดนั้นอี อ้าง ฎีกาที่ 149/2473

ย่อยาว

คดีนี้ผู้เสียหายฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายปรากฎ ว่ากรณีนี้อัยยการได้ฟ้องจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายไว้อีกสำนวนหนึ่งซึ่ง ศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับฟ้องของผู้เสียหาย อ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕,๓๐, และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๔
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เรื่องนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้วต้องนับว่าเสร็จเด็ดขาดตาม ประมวลวิธีพิจารณาความอาญาความอาญามาตรา ๓๙(๔) จึงพิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของผู้เสียหายเสีย
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำผิดของจำเลยในคราวเดียวกันนี้ อัยยการได้เป็นโจทก์ฟ้อง จำเลยจนศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว ผุ้เสียหายจะมายื่นฟ้องเป็นโจทก์อีกสำนวนหนึ่งหาได้ไม่ เพราะผู้เสียหายมีโอกาสที่จะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการก่อนศาลมีคำพิพากษาตาม ประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๐ แล้ว อนึ่งแม้ผู้เสียหายจะมีสิทธิฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๘(๒) แต่ผู้เสียหายก็หาได้จัการฟ้องร้องเสียก่อนทีได้มีคำพิพากษาในการกระทำอันเดียวกันนี้นไม่ จะมาฟ้องจำเลยอีกในเมื่อได้มีคำพิพากษาวินิจฉัยความผิดขอจำเลยแล้วไม่ได้มิฉะนั้นความผิดอันเดียวจะพิพากษาลงโทษได้ ๒ ครั้ง จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share