คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664-1665/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฉ. เข้าครอบครองที่ดินจัดหาผลประโยชน์แทนจำเลยที่ 2 หาใช่จัดทำในฐานะตนเองเป็นเจ้าของไม่ แม้จะนานสักปานใดก็ตาม หาทำให้ได้กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ไม่เว้นแต่จะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังเจ้าของ ว่าไม่มีเจตนายึดถือทรัพย์แทนเจ้าของต่อไป
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ฉ. ย่อมไม่มีสิทธิที่จะยกที่ดินพิพาทซึ่งไม่ใช่ของตนให้แก่ผู้อื่น

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณา

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องจำเลยว่า นายบุด นางอางเป็นปู่และย่าของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 นายฉายเป็นน้องของนายบุด เมื่อ ร.ศ.131 นายฉายมอบให้นายบุด นางอางเป็นผู้นำรังวัดออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว นายบุด นางอางได้นำรังวัดที่ดินของตนอีก 2 แปลงเข้าไปด้วยโดยออกเป็นโฉนดฉบับเดียวกัน คือ โฉนดที่ 17781 แต่นายฉายคงครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินส่วนของตนตลอดมา

เมื่อนายบุด นางอางถึงแก่กรรมบรรดาทายาทได้ตกลงแบ่งแยกการครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัด ปัจจุบันจำเลยทั้งสี่คนมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และต่างครอบครองเป็นส่วนสัด และต่างถือว่าที่ดินตามอาณาเขตภายในวงเล็บสีแดงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายฉายโดยการครอบครอง นายฉายได้ทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของตนให้โจทก์ โจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อมาจนบัดนี้ ฤดูทำนาปี 2508 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทราบว่านายฉายตายได้โต้แย้งสิทธิและห้ามโจทก์มิให้เข้าทำกินในที่ดินภายในเส้นสีแดง ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่า ที่ดินโฉนดที่ 17781 ภายในเส้นสีแดงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยทางครอบครองให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี แล้วออกโฉนดให้โจทก์เป็นส่วนสัดหากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งว่า ที่ดินโฉนดที่ 17781เดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของนายบุด นางอาง นายฉายไม่เคยเกี่ยวข้อง ครอบครองที่ดินโฉนดนี้ในฐานะเป็นเจ้าของ โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเหนือที่ดินแปลงนี้ เมื่อนายบุด นางอางถึงแก่กรรมแล้ว ที่ดินตกได้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และนายน้อย นายน้อย จำเลยที่ 1 ที่ 3 ครอบครองที่ดินตามอาณาเขตเส้นสีน้ำเงินประ (1)(2) และ (3) ตามลำดับ จำเลยที่ 2 ครอบครองตามอาณาเขตเส้นสีแดงนายฉายได้จัดการที่ดินโฉนดดังกล่าวแทนจำเลยที่ 2 เมื่อนายฉายถึงแก่กรรมจำเลยที่ 2 ได้เข้าจัดการเอง และต่อสู้ว่าพินัยกรรมจะมีจริงหรือไม่ ไม่ทราบ ไม่รับรอง แม้มีจริงก็เป็นโมฆะ ขอให้พิพากษาห้ามโจทก์เข้ามาบุกรุกทำกินหรือเกี่ยวข้องกับที่ดินของจำเลยต่อไป หากบุกรุกขอเรียกค่าเสียหายเป็นข้าวปีละ 1 เกวียน ๆ ละ 1,000 บาท

จำเลยที่ 3 ที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ถอนฟ้องคดีเฉพาะจำเลยที่ 3

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า การครอบครองที่ดินโฉนดพิพาทเป็นส่วนสัดตามฟ้องโจทก์หาใช่ตามฟ้องแย้งไม่ นายฉายครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะเจ้าของ โจทก์ทำนาในที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของนายฉายและเป็นมรดกตกได้แก่ตนตามพินัยกรรมอย่างเป็นเจ้าของสืบต่อจากนายฉายเป็นเวลากว่า 10 ปี

คดีสำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของนาโฉนดที่ 17781ร่วมกับนายเคลือบ นายน้อย นางสาวสำพัด โดยได้รับมรดกมาจากนายบุดนางอาง ต่างครอบครองเฉพาะส่วนของตนเรื่อยมาจนบัดนี้ จำเลยซึ่งเป็นบุตรนายเคลือบรับโอนมรดกเฉพาะส่วนของนายเคลือบ นายน้อยโอนขายส่วนของตนให้นายผ่อง ต่อมาจำเลยคบคิดกับนางเช้าให้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยกับนายผ่องนางสาวสำพัดและโจทก์คดีนี้ และจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ และนำชี้แผนที่วิวาทรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ 3 ไร่เศษ ตามอาณาเขตเส้นสีแดงในแผนที่ท้ายฟ้อง ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและห้ามเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่า จำเลยชี้อาณาเขตที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย หาได้ชี้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ไม่

สำหรับค่าเสียหายคู่ความตกลงกันให้ถือเอาจำนวนเงินค่าเสียหายปีละ 600 บาท

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทมิใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายฉาย พินัยกรรมที่นายฉายทำขึ้นโดยยกที่พิพาทซึ่งไม่ใช่ของตนให้แก่โจทก์ไม่มีผลบังคับ พิพากษายกฟ้องโจทก์ ห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินในอาณาเขตหมายอักษร ข. ในแผนที่วิวาทให้โจทก์ใช้ค่าผลประโยชน์แก่จำเลยปีละ 600 บาท

ส่วนสำนวนคดีหลังเชื่อว่าที่ดินซึ่งนางสาวทองสุกโจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของมีอาณาเขตรูปสี่เหลี่ยมสีม่วงในแผนที่วิวาท พิพากษาขับไล่นายยอดจำเลยและบริวาร ห้ามเกี่ยวข้องต่อไป

นางเช้าและนายยอดจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นางเช้าและนายยอดฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า นายฉายไม่ได้ซื้อที่ดินพิพาทมาดังโจทก์นำสืบ นายฉายย่อมไม่มีที่ดินอันจะนำไปฝากนายบุด นางอางให้รังวัดเพื่อออกโฉนดรวมกับที่ดินของนางบุด นางอางเป็นโฉนดฉบับเดียวกัน การที่นายฉายเข้าทำกินในที่พิพาทและนำที่ดินนั้นไปให้ผู้อื่นเช่า การเข้าครอบครองที่ดินจัดหาผลประโยชน์เป็นการทำแทนจำเลยที่ 2 หาใช่เป็นเรื่องที่นายฉายจัดทำในฐานะตนเองเป็นเจ้าของไม่ การเข้าครอบครองและจัดผลประโยชน์แทนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของเช่นนี้แม้จะนานสักปานใดก็ตาม หาทำให้นายฉายได้กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ไม่ เว้นเสียแต่จะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังเจ้าของว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือทรัพย์แทนเจ้าของต่อไป ที่ดินพิพาทแปลงหมายอักษร ข.เป็นของจำเลยที่ 2 นายฉายไม่มีสิทธิที่จะยกที่ดินซึ่งไม่ใช่ของตนให้แก่ผู้อื่นได้ โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิใด ๆ ในที่พิพาท

พิพากษายืน

Share