คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายถึงข้อเท็จจริงที่หาว่ากระทำผิดแล้วอ้างว่าจำเลยลักหรือยักยอกและอ้างมาตรามาทั้ง 2 ความผิดนั้นเมื่อศาลเห็นว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดฐานใดก็ลงโทษได้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒ นางลิ้นจี่ลืมของไว้ต่อหน้าจำเลย ๑ ห่อมีทองรูปพรรณราคา ๒๓๐ บาท จำเลยเก็บเอาของนั้นไปโดยเจตนาลักหรือยกยอกขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘ ๓๑๘
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ทราบแล้วว่าห่อของเป็นของผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาไปจึงมีผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา ๒๘๘ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ว่า ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้น จำเลยต้องมีผิดฐานลักทรัพย์จำเลยกล่าวว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือยักยอกอันเป็นความผิดต่างประเภทกัน ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ขอให้ ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือยักยอกฐานใดฐาน ๑ มิได้ประสงค์ให้ลงโทษทั้งสองฐานใน วกรรมเดียวกันและโจทก์อ้างมาตรามาให้ศาลเลือกลงโทษตามความผิดจึงไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุมจึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share