คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์บรรยายว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 20 เม็ด หรือหน่วยการใช้น้ำหนัก 1.819 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.187 กรัม กับอีก 6 เม็ด น้ำหนัก 0.54 กรัม น้ำหนักสารบริสุทธิ์ไม่ปรากฏชัด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มิได้บรรยายว่าจำเลยครอบครองเมทแอมเฟตามีนทั้ง 2 จำนวนดังกล่าวรวม 26 เม็ด ในคราวเดียวกัน แล้วจำหน่ายครั้งแรกให้แก่ผู้อื่นไป 20 เม็ด ส่วนที่เหลืออีก 6 เม็ด จำเลยมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วต่อมาพยายามจำหน่ายให้แก่ผู้อื่น ทั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้ว่าตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา ไม่ปรากฏว่าจำเลยครอบครองเมทแอมเฟตามีนในคราวเดียวกันทั้ง 26 เม็ด ซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตามในการวินิจฉัยข้อกฎหมายข้อนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 222 จึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงว่าเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องข้อ (ก) และจำหน่ายไปตามฟ้องข้อ (ข) เป็นจำนวนเดียวกัน และเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องข้อ (ก) และพยายามจำหน่ายไปตามฟ้องข้อ (ค) เป็นจำนวนเดียวกัน ที่โจทก์ฎีกาว่า คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายมาดังกล่าวเนื่องจากเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ที่เหลือ ผู้ตรวจพิสูจน์มิได้คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ให้ก็ดี จำเลยสามารถพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ให้แก่ผู้ซื้อได้ในวันเดียวกันกับที่จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ดแรกนั้นเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอยู่แล้วในคราวเดียวรวม 26 เม็ด ก็ดี และศาลต้องลงโทษจำเลยเป็นสามกรรมว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 26 เม็ด จำหน่าย 20 เม็ด และพยายามจำหน่ายอีก 6 เม็ด นั้น ไม่อาจรับฟังได้ เพราะการครอบครองหรือจำหน่ายอาจเป็นการจัดหามาครอบครองเพื่อจำหน่ายใหม่ที่ละครั้ง และสามารถกระทำในวันเดียวกันได้อีกหลายๆ ครั้งก็ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 80, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 และพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 16 ปีเศษ (ที่ถูก อายุ 15 ปีเศษ) ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 เมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามฟ้องข้อ (ก) และข้อ (ข) เป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี ส่วนเมทแอมเฟตามีนของกลาง 6 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายตามฟ้อง ข้อ (ก) และข้อ (ค) เป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 (1) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 4 จังหวัดขอนแก่น มีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 3 ปี ในกรณีคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ได้รับการฝึกและอบรมเนื่องจากอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ ให้เปลี่ยนเป็นจำคุกที่เรือนจำ มีกำหนด 1 ปี ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 วรรคท้าย ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (2)) มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยลดมาตราส่วนโทษและลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 และ 78 แล้ว รวมลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งจำเลยไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 4 จังหวัดขอนแก่น มีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 3 ปี ในกรณีคดีถึงที่สุดหากจำเลยไม่ได้รับการฝึกอบรมเนื่องจากอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ ให้เปลี่ยนไปจำคุกที่เรือนจำมีกำหนด 1 ปี ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 (1) และ 142 วรรคท้าย ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายืน สำหรับที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานว่า จำเลยครอบครองเมทแอมเฟตามีน 26 เม็ด ในคราวเดียวกันนั้น เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 183 ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังต้องกันมาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ดังกล่าว กับมีเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ดังกล่าว ตามฟ้องจริง
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสามกรรมหรือไม่นั้น เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์บรรยายว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 20 เม็ด หรือหน่วยการใช้ น้ำหนักสุทธิ 1.819 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 0.187 กรัม กับอีก 6 เม็ด น้ำหนักสุทธิ 0.54 กรัม น้ำหนักสารบริสุทธิ์ไม่ปรากฏชัด ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มิได้บรรยายว่าจำเลยครอบครองเมทแอมเฟตามีนทั้ง 2 จำนวนดังกล่าวรวม 26 เม็ด ในคราวเดียวกัน แล้วจำหน่ายครั้งแรกให้แก่ผู้อื่นไป 20 เม็ด ส่วนที่เหลืออีก 6 เม็ด จำเลยมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วต่อมาพยายามจำหน่ายให้แก่ผู้อื่น ทั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้ว่าตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาไม่ปรากฏว่าจำเลยครอบครองเมทแอมเฟตามีนในคราวเดียวทั้ง 26 เม็ด ซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตามในการวินิจฉัยข้อกฎหมายข้อนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 จึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงว่า เมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง ข้อ (ก) และจำหน่ายไปตามฟ้อง ข้อ (ข) เป็นจำนวนเดียวกัน และเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง ข้อ (ก) และพยายามจำหน่ายไปตามฟ้อง ข้อ (ค) เป็นจำนวนเดียวกัน ที่โจทก์ฎีกาว่าคำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายมาดังกล่าวเนื่องจากเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ที่เหลือ ผู้ตรวจพิสูจน์ยาเสพติดมิได้คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ให้ก็ดี จำเลยสามารถพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด ให้แก่ผู้ซื้อได้ในวันเดียวกันกับที่จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ดแรกนั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยย่อมมีเมทแอมเฟตามีนอยู่แล้วในคราวเดียวกันรวม 26 เม็ด ก็ดีนั้น ไม่อาจรับฟังได้ดังที่โจทก์ฎีกามา เพราะการครอบครองหรือจำหน่ายอาจเป็นการจัดหามาครอบครองเพื่อจำหน่ายใหม่ทีละครั้งและสามารถกระทำในวันเดียวกันได้อีกหลาย ๆ ครั้งก็ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share