คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เนื้อหาในฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำวินิจฉัยพยานหลักฐานและคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของศาลชั้นต้น มิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายไม่ชอบอย่างไร และจำเลยไม่เห็นพ้องด้วยเพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลาย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลแพ่ง คดีหมายเลขแดงที่ 16393/2530 แต่จำเลยชำระหนี้บางส่วน โจทก์ขอออกหมายบังคับคดีและสืบหาทรัพย์สินของจำเลยแล้วปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ คิดถึงวันฟ้องจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์ 947,412.30บาท ซึ่งเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนไม่น้อยกว่า 50,000 บาทและถึงกำหนดชำระแล้ว พฤติการณ์ของจำเลยต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย

จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ (1) กล่าวถึงคำฟ้อง คำให้การ คำสั่งของศาลชั้นต้น คำวินิจฉัยและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ และในข้อ (2) ได้คัดลอกข้อความตามคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดของศาลชั้นต้นทุกถ้อยคำ เพียงแต่เพิ่มคำว่า ศาลอุทธรณ์ต่อท้ายคำว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นทุกแห่งเปลี่ยนแปลงข้อความว่าขออุทธรณ์เป็นฎีกาและกราบเรียนศาลอุทธรณ์เป็นกราบเรียนศาลฎีกาทั้งในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ตัดพยานจำเลยไม่ชอบ ซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้เพราะเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาและจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ จึงต้องห้ามอุทธรณ์ จำเลยยังคัดลอกข้อความตามอุทธรณ์ว่าคำสั่งตัดพยานจำเลยของศาลไม่ชอบเช่นเดิม แม้ในย่อหน้าถัดไปจะใช้ถ้อยคำว่า ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกราบเรียนศาลฎีกาแล้วข้างต้น ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งหรือคำพิพากษายกฟ้องของโจทก์และหรือขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่แล้วพิพากษาตามรูปคดีต่อไป… แต่เนื้อหาในฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำวินิจฉัยพยานหลักฐานและคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของศาลชั้นต้น มิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายไม่ชอบอย่างไร และจำเลยไม่เห็นพ้องด้วยเพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลาย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้”

พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย

Share