คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่มีผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น ผู้ร้องสอดมีสิทธเท่าจำเลยเท่านั้น จะใช้สิทธินอกเหนือไปกว่าจำเลยหาได้ไม่
การที่สามีร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมกับภริยา จะปฏิเสธสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับโจทก์ว่าไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยตกเป็นโมฆะนั้น ซึ่งภริยาผู้ร้องสอดมิได้ต่อสู้ไว้ เช่นนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิอย่างอื่นนอกไปจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่ตามมาตรา 58 วรรค 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเดิมที่ดิน ๘ โฉนดเป็นของบิดามารดาโจทก์จำเลย เมื่อบิดามารดาตายแล้วโจทก์ครอบครองเป็นเวลา ๑๕ ปี โดยจำเลยมิได้เกี่ยวข้อง ต่อมาจำเลยไปประกาศขอรับมฤดกทั้ง ๘ โฉนด จำเลยขอไม่ให้โจทก์คัดค้าน ๕ โฉนดโดยจะขายให้โจทก์เป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท ส่วนอีก ๓ โฉนดจะตกลงกันภายหลัง ต่อมาจำเลยได้โอนขายที่ดิน ๕ แปลงแก่โจทก์โดยทำใบมอบฉันทะให้โจทก์เป็นผู้โอนแทน ที่ดินอีก ๓ โฉนดจำเลยขาดสิทธิรับมฤดก จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินทัง ๘ โฉนดเป็นของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่ดิน ๘ แปลงนี้บิดามารดาให้จำเลย ๆปกครองมาโดยโจทก์มิได้เกี่ยวข้อง จำเลยไม่เคยขายที่ดิน ๕ โฉนดแก่โจทก์ ใบมอบฉันทะโจทก์สมคบกับเจ้าพนักงานที่ดินบางคนหลอกลวงให้จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือในใบมอบฉันทะ ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับรับมฤดกที่ดินจึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดิน ๘ แปลงเป็นของจำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งโดยให้ถือว่าฟ้องเป็นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
ต่อมานายอยู่สามีจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอ้างว่าที่ดิน ๕ แปลงเปนสินบริคณห์ และบอกล้างนิติกรรมโอนขายที่ดิน ๕ โฉนด เพราะผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการซื้อขายที่ดิน ๕ แปลงเป็นโมฆะให้ทำลายสัญญาซื้อขายนั้นเสีย และให้เป็นกรรมสิทธิแก่จำเลยตามฟ้องแย้ง ให้แบ่งหรือประมูลหรือขายทอดตลาดที่ดินอีกสามแปลงระหว่างโจทก์จำเลยคนละครึ่ง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ดินที่ซื้อขายกัน ๕ โฉนดนั้นเป็นของโจทก์ และว่าการที่นายอยู่ผู้ร้องสอดบอกล้างนิติกรรมการขายที่ดินในคำให้การนั้นไม่เป็นผล เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๕๘ ผู้ร้องจะใช้สิทธินอกเหนือไปจากจำเลยหาได้ไม่ จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าการซื้อขายนั้นผู้ร้องสอดได้รู้เห็นยินยอมด้วยหรือไม่สำหรับที่ดินอีก ๓ โฉนดพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัย ๒ ข้อ คือ (๑) จำเลยได้ขายที่ดินแก่โจทก์หรือไม่และ (๒) ในกรณีที่ฟังว่าจำเลยได้ขายแก่โจทก์จริง ผู้ร้องจะบอกล้าง นิติกรรมขายได้หรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว สำหรับปัญหาข้อ ๑ เชื่อว่าจำเลยได้ทำใบมอบฉันทะขายที่ดินแก่โจทก์และรับเงิน ๒,๐๐๐ บาทไว้แล้วจริงสำหรับข้อ ๒ เห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว เพราะนายอยู่+มาเป็นจำเลยร่วมก็มีสิทธิเท่ากับจำเลยเท่านั้น
จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาจำเลย

Share