แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดาของผู้ตาย ภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ก็ยังถือได้ว่าเป็นเหตุอันควรปรานี ทั้งผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลย และจำเลยรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร จึงควรให้โอกาสจำเลยโดยลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนนางสาวศศิธรทองโสภณ ขณะกำลังเดินบนทางข้ามถนนถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐, ๒๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา ๒๑ วรรคแรก ๓๒, ๔๓(๔), ๖๗ วรรคแรก, ๗๐, ๑๔๘, ๑๕๒, ๑๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ จำคุก ๔ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี และให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยขับรถโดยประมาทชนผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายตามฟ้องโจทก์ และวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยหรือไม่ ว่าจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดาผู้ตายเป็นเงิน ๒๘๐,๐๐๐ บาทแม้จะเป็นการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ก็ยังถือได้ว่าเป็นเหตุอันควรปรานี ทั้งผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลยอีกต่อไป ปัจจุบันจำเลยก็รับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลย โดยลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๒๙๑ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ จำคุก ๒ ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ มีกำหนด ๓ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.