คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นตัวแทนในการให้เช่าซื้อที่ดินของจำเลย การที่โจทก์จัดให้มีการเช่าซื้อที่ดินเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเป็นตัวแทนที่ดำเนินการปรับปรุงที่ดินให้แก่จำเลย หาใช่เป็นผลจากการเป็นนายหน้าไม่โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่นายหน้า แต่เป็นตัวแทนดำเนินการจัดทำสัญญาและดำเนินการปรับปรุงที่ดินให้แก่จำเลยเท่านั้น พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อหาและข้ออ้างของโจทก์ตามฟ้องเป็นอันรับฟังไม่ได้ กล่าวคือ รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยตกลงจะให้ค่าบำเหน็จนายหน้า 5 เปอร์เซ็น แก่โจทก์เพื่อที่ชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญา หรือจัดการให้ได้ทำสัญญากันดังโจทก์ฟ้อง ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันว่าโจทก์เคยเป็นตัวแทนเก็บค่าเช่าให้จำเลยมาก่อน โดยจำเลยจ่ายผลประโยชน์ร้อยละห้าของค่าเช่าที่เก็บได้ให้แก่โจทก์ต่อมาจำเลยได้มอบหมายให้โจทก์จัดการแบ่งแยกที่ดินของจำเลยเป็นแปลงเล็ก ๆ และทำถนน จัดให้มีไฟฟ้าและน้ำบาดาลเข้าถึงที่ดินที่แบ่งแยกทุกแปลงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวจำเลยตกลงเป็นผู้ออกทั้งสิ้น และจำเลยตกลงจะให้ผลประโยชน์แก่โจทก์เป็นค่าตอบแทนเมื่อทำงานดังกล่าวเสร็จต่อมามีผู้มาเช่าซื้อที่ดินดังกล่าวรวม 78 ราย โดยผู้เช่าซื้อ 70 รายเป็นผู้เช่าที่ดินของจำเลยมาแต่เดิม ส่วนอีก 6 รายได้รับคำแนะนำจากผู้เช่าเดิม ปรากฏหลักฐานตามหนังสือสัญญาเช่าที่ดินและหนังสือสัญญาเช่าซื้อที่ดินรวม 132 ฉบับตามเอกสารหมาย ล.6 ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าการเช่าซื้อที่ดินของจำเลยเกิดจากการชักชวนแนะนำจัดการของโจทก์ ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเป็นตัวแทนของโจทก์ที่ดำเนินการปรับปรุงที่ดินให้แก่จำเลย หาใช่เป็นผลเกิดจากการเป็นนายหน้าไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นตัวแทนนั้นชอบแล้ว ส่วนเอกสารหมาย จ.3 เป็นหนังสือของจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่า บัดนี้งานได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ซึ่งหมายถึงการเป็นตัวแทนของโจทก์ได้สิ้นสุดลงแล้ว จำเลยจึงขอให้โจทก์รับผลประโยชน์จากจำเลยได้ ผลประโยชน์ดังกล่าวก็คือ บำเหน็จตัวแทน หาใช่ค่าบำเหน็จนายหน้าไม่”

พิพากษายืน

Share