แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำตรายางปลอมชื่อร้านของโจทก์ ประทับตรายางปลอม และลงลายมือชื่อโจทก์ปลอมที่ด้านหลังเช็คของจำเลยสองฉบับแล้วจำเลยนำเช็คดังกล่าวไปชำระหนี้แก่ผู้มีชื่อสองรายซึ่งจำเลย มีเจตนาให้มีการใช้เงินตามเช็คทั้งสองฉบับแตกต่างจากกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้ เอกสารปลอมโดยจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นเอง อันจะ ต้องรับโทษในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมสำหรับ เช็คแต่ละฉบับรวมสองกระทง แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ฐานปลอมเอกสาร โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ ลงโทษสำหรับความผิดเกี่ยวกับเช็คสองฉบับนี้เป็นสองกระทง การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก จำเลยเป็น สองกระทงกระทงละ 6 เดือน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เฉพาะกำหนดโทษ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำตรายางปลอมชื่อร้านเอกสินของโจทก์และประทับตรายางปลอมลงด้านหลังเช็คของจำเลย 2 ฉบับ แล้วลงลายมือชื่อโจทก์ปลอมลงใกล้ ๆ ตรายางที่ประทับ เพื่อแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าโจทก์เป็นผู้สลักหลังรับรองและค้ำประกันเช็คนั้นจำเลยนำเช็คไปชำระหนี้ให้แก่ผู้มีชื่อแห่งละหนึ่งฉบับ ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองรายทวงถามให้โจทก์รับผิดชำระหนี้ตามเช็ค การกระทำของจำเลยเป็นการประทับตราปลอมและลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และผู้ทรงเช็ค นอกจากนี้จำเลยได้บังอาจเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารมหานคร จำกัด สาขาประตูน้ำ โดยแจ้งแก่ธนาคารว่าจำเลยอยู่ที่ร้านเอกสินตามเลขที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านและชื่อร้านของโจทก์อันเป็นการปลอมเอกสารบัญชีฝากเงิน และใช้หรืออ้างเอกสารปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ และได้ทำเพื่อให้ธนาคารและประชาชนผู้รับเช็คของจำเลยหลงเชื่อว่าเป็นที่อยู่ที่แท้จริงของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268, 91 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 2
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จำคุก 6 เดือน
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม เมื่อเช็คปลอมมี 2 ฉบับ จำเลยมีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับแตกต่างจากกัน จึงเป็นความผิด 2 กรรม พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 268 เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 เป็น 2 กระทงกระทงละ 6 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาเป็นยุติว่า จำเลยมีเจตนาให้มีการใช้เงินตามเช็คทั้งสองฉบับแตกต่างจากกัน สำหรับเช็คฉบับแรกจำเลยลงลายมือชื่อและประทับตราปลอมอันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารกระทงหนึ่งกับจำเลยใช้เช็คที่จำเลยทำปลอมนั้นอันเป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมอีกกระทงหนึ่งกรณีต้องด้วยมาตรา 268 วรรคสอง กล่าวคือจำเลยกระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอมโดยจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นเอง เหตุนี้ศาลอุทธรณ์จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมคือเช็คฉบับแรกแต่กระทงเดียวได้ และสำหรับเช็คอีกฉบับหนึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างเดียวกัน ศาลอุทธรณ์จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมแต่กระทงเดียวได้เช่นกัน แต่โดยที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จำคุกจำเลย 6 เดือน ซึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษสำหรับความผิดเกี่ยวกับเช็คสองฉบับนี้เป็นสองกระทง ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นสองกระทงสำหรับความผิดดังกล่าว จำคุกกระทงละ 6 เดือนจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือนนอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์