แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งระหว่างพิจารณา ขาดนัดยื่นคำให้การ ขอดูต้นหนังสือ
ย่อยาว
อ. ฟ้องเรียกเงินค่าซื้อของเชื่อจาก ฮ. ก่อนถึงกำหนดวันให้การ จำเลยยื่นคำร้องขอดูต้นหนังสือสัญญา ศาลไม่อนุญาต แต่จำเลยไม่ได้มาฟังคำสั่งศาลจนพ้นกำหนดให้การ ศาลจึงนัดพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว ครั้นถึงวันนัดพิจารณาทนายจำเลยมีหนังสือมาขอเลื่อนโดยไม่ถูกระเบียบ ศาลไม่อนุญาต ในที่สุดศาลตัดสินให้จำเลยใช้ต้นเงินให้โจทย์
โจทย์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ในเรื่องดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์กรุงเทพฯ ตัดสินว่าตามมาตรา ๓๐ แห่งวิธีพิจารณาแพ่ง จำเลยมีอำนาจขอดูต้นหนังสือสัญญาได้ ศาลต่างประเทศไม่อนุญาตนั้นผิด แลการที่พิจารณาคดีโจทย์ฝ่ายเดียวโดยจำเลยไม่รู้ว่าศาลสั่งคำร้องของตนอย่างใดนั้น ก็ไม่ชอบ จึงให้ศาลต่างประเทศพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทย์ฎีกาจำเลยคัดค้านว่าโจทย์ฎีกาคำสั่งของศาลไม่ได้ ตามวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๙๖
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
(๑) คดีที่ศาลเดิมได้พิจารณาถึงที่สุดแลตัดสินตามรูปความแล้ว ศาลอุทธรณ์กลับยกคำพิพากษาศาลเดิมแลสั่งให้พิจารณาใหม่ ซึ่งเปนการพิจารณาใหม่คนละคราวต่างหากจากการพิจารณาคราวก่อนที่เดียวดังนี้ ฎีกาได้ ไม่ต้องบทห้ามตามวิธีพิจารณาแพ่งมาตรา ๙๖
(๒) วิธีพิจารณาแพ่งมาตรา ๓๐ ควรอ่านประกอบกับมาตรา ๒๐ แล ๔๕ คือเมื่อยื่นคำให้การแล้ว หรือคำให้การนั้นจำเลยแสดงความสงสัยหนังสือที่โจทย์อ้าง จำเลยจะขอดูต้นฉบับก็ได้ แต่สิทธิของจำเลยตามมาตรา ๓๐ นี้หาได้เปลื้องน่าที่คั่นแรกที่จะต้องทำตามมาตรา ๒๐ แล ๔๕ ในเรื่องยื่นคำให้การไม่
(๓) เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การตามมาตรา ๒๐ แล ๔๕ ถึงแม้จำเลยจะมิได้ฟังคำสั่งฉบับแรกของศาลต่างประเทศก็ดีไม่กระทำให้คดีเปลี่ยนฐานไปได้ ศาลต่างประเทศพิจารณาคดีโจทย์ฝ่ายเดียวชอบแล้ว ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่