คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2467

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญา เจ้าณี่ยึดทรัพย์แล้วผ่อนเวลาให้ลูกณี่ใช้เงิน,กำหนดวางเงินค่าธรรมเนียม,สินจ้าง

ย่อยาว

ท.แพ้ความโจทย์ ๆ นำยึดทรัพย์ ในวันประกาศขายทอดตลาด ท. แล น.ขอให้โจทย์งดการขาดทอดตลาด โดยท.ยอมผ่อนส่งเงินให้โจทย์เปนงวด น.เป็นผู้รับประกัน โจทย์จึงงดการขาดทอดตลาด ท.ผิดสัญญาโจทย์ฟ้องขอให้บังคับ ท. แล น.ใช้เงิน
ศาลล่างตัดสินให้จำเลยใช้เงินแก่โจทย์ น.ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ทนายจำเลยแถลงว่าคดีที่มีคำพิพากษาจนถึงยึดทรัพย์แล้ว โจทย์จำมาทำยอมกับจำเลยลบล้างคำพิพากษาเดิมแลนำคดีมาฟ้องอีกไม่ได้ ผิดต่อพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาแพ่งมาตรา ๓ แล มาตรา ๖๖ นั้น ปรากฎว่า สัญญาที่จำเลยทำให้โจทย์ไว้นั้นมีข้อความว่า ขอให้โจทย์งดการขาดทอดตลาดทรัพย์ของท.โดย ท.ยอมผ่อนส่งเงินให้เปนงวด น. เปนผู้รับประกันว่าถ้า ท.ผิดสัญญา , น.ยอมรับใช้เงินแทน ท.ดังนี้ เมื่อ ท.ผิดสัญญา โจทย์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยทั้ง ๒ ปฏิบัติตามสัญญาได้ ไม่ขัดต่อวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๓ แลมาตรา ๖๖ เพราะเปนสัญญาเรื่องขอให้โจทย์งดการขายทอดตลาดทรัพย์แลผ่อนใช้เงินที่ ท.แพ้ความ ทนายจำเลยแถลงอีกว่า สัญญาที่ทำกันนี้ไม่มีสินจ้างแลกเปลี่ยนนั้น ฟังไม่ได้ เพราะการที่โจทย์งดการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นเปนสินจ้างอยู่ในตัวแล้ว อนึ่งทนายโจทย์แถลงว่าจำแลยไม่วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ตามคำสั่งศาลเดิมนั่น ปรากฏว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์วันที่ ๓ มีนาคม ในวันนั้นศาลเดิมได้มีคำสั่งให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมภายใน ๕ วัน จำเลยฟังคำสั่งวันที่ ๑๑ มีนาคม แลวางเงินวันที่ ๑๔ มีนาคม ซึ่งนับตั้งแต่วันจำเลยทราบคำสั่งแล้วยังอยู่ภายใน ๕ วัน ต้องถือว่าจำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ในกำหนดตามคำสั่งศาลเดิม หาเกินกำหนดไม่ ให้ยกฎีกาจำเลย

Share