แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีเจตนาจะทำลายรั้วไม้ไผ่ที่ปักติดเป็นแผงของผู้เสียหายโดยนำไปเผาให้ใช้การไม่ได้เท่านั้น การที่จำเลยดึงรั้วไม้ไผ่ของผู้เสียหายจำนวน 2 แผง แล้วนำไปเผาทำลายใกล้บริเวณรั้วนั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 เพียงบทเดียว มิใช่กระทำผิดหลายบท การเผาแผงไม้ไผ่เป็นการทำลายทรัพย์ของผู้เสียหายให้เสียหาย มิใช่จำเลยวางเพลิงเผารั้วบ้านของผู้เสียหายในขณะที่มีสภาพเป็นรั้วบ้านกั้นขอบเขตเป็นที่อยู่อาศัย จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 217 อีกกระทงหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำให้เสียทรัพย์โดยวางเพลิงเผารั้วบ้านไม้ไผ่สีสุกผ่าซีกจำนวน2 แผง ราคา 1,000 บาท ของนายบัวลัย ผ่องจิตร์ ผู้เสียหาย จนเกิดการลุกไหม้ อันเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งรั้วบ้านดังกล่าวอันเป็นทรัพย์สินที่มีราคาน้อย และไม่เป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217, 223, 358
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายบัวลัย ผ่องจิตร์ ที่ 1 นางปราณี ผ่องจิตร์ ที่ 2 ซึ่งโจทก์รับว่าเป็นผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217,223, 358 เป็นความผิดหลายบทแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยได้เผาเศษใบไม้และกิ่งไม้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า วันเกิดเหตุจำเลยดึงรั้วไม้ไผ่ผ่าซีกที่ยึดติดเป็นแผงทางรั้วด้านทิศตะวันออกแล้วนำไปเผาทำลาย การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 เพียงบทเดียว มิใช่กระทำผิดหลายบท เพราะจำเลยมีเจตนาจะทำลายรั้วไม้ไผ่ที่ปักติดเป็นแผงของโจทก์ร่วมที่ 1 โดยนำไปเผาให้ใช้การไม่ได้เท่านั้น การเผาแผงไม้ไผ่นั้นเป็นการทำลายทรัพย์ของโจทก์ร่วมที่ 1 ให้เสียหาย มิใช่วางเพลิงเผาทรัพย์คือ เผารั้วบ้านของโจทก์ร่วมที่ 1 ตามฟ้อง เพราะจำเลยมิได้วางเพลิงเผาแผงไม้ไผ่ในขณะที่มีสภาพเป็นรั้วบ้านกั้นขอบเขตเป็นที่อยู่อาศัยของโจทก์ร่วมที่ 1อันจะต้องด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 แต่ราคาทรัพย์ที่เสียหายมีเพียง 1,000 บาท และเป็นความผิดทางอาญาไม่ร้ายแรง ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษอาญามาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสแก่จำเลยโดยรอการลงโทษจำคุกเพื่อให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป ดีกว่าจะพิพากษาลงโทษจำคุกซึ่งอาจไม่เป็นผลดีหรือไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขความประพฤติของจำเลย แต่เพื่อให้หลาบจำ ให้ปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 จำคุก 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 คำขออื่นของโจทก์ให้ยกเสีย