แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และ อ. มาให้จำเลยยึดถือไว้โดยมีข้อตกลงกันไว้ด้วยต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ตามข้อตกลงแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จำเลยก็ให้การยอมรับว่าจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์จริง แม้จำเลยจะให้การอ้างว่าจำเลยรับโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้แทนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีและจำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยเก็บโฉนดที่ดินไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี จำเลยไม่อาจนำโฉนดที่ดินมาคืนให้แก่โจทก์ได้ก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิตามฟ้องของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2531 เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีได้ร่วมกันทุจริตยักยอกเงินของทางราชการไปโดยนางนิตยา ไชยวงศ์พี่สาวโจทก์เป็นผู้ทำฎีกาเบิกจ่ายเงินและจำเลยเป็นผู้ลงชื่ออนุมัติให้เบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว แล้วนางนิตยาได้หนีไปต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2531 จำเลยให้โจทก์ติดตามตัวนางนิตยามาพบภายใน 7 วัน โดยให้โจทก์นำโฉนดที่ดินเลขที่ 9186ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมของโจทก์และนางสาวอัญชลี ไชยวงศ์ มาให้จำเลยยึดถือไว้ จำเลยตกลงว่าหากได้ตัวนางนิตยามาภายในกำหนดจำเลยจะคืนโฉนดที่ดินดังกล่าว และระหว่างที่โฉนดที่ดินอยู่ที่จำเลยจำเลยจะไม่ดำเนินคดีอาญาแก่นางนิตยา หากดำเนินคดีอาญาแก่นางนิตยาเมื่อใด จำเลยจะคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวทันที ต่อมาวันที่ 22 มีนาคม 2531 จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่านางนิตยาทุจริตต่อหน้าที่ทำให้เงินหายไป 724,049.47 บาทขอให้ดำเนินคดีแก่นางนิตยา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินเลขที่ 9186ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ให้แก่โจทก์หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้จับกุมคุมขังจนกว่าโจทก์จะได้โฉนดที่ดินดังกล่าวคืน
จำเลยให้การว่า จำเลยมีตำแหน่งสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีเป็นผู้บังคับบัญชาของนางนิตยา เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดเพชรบุรี เมื่อประมาณวันที่ 7 มีนาคม2531 จำเลยสั่งให้ตรวจสอบการปฏิบัติงานในหน้าที่ของนางนิตยาซึ่งขาดราชการไปหลายวัน ปรากฏว่านางนิตยานำเงินของทางราชการไปใช้จ่ายเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต เป็นเงิน 724,049.47 บาทต่อมาวันที่ 13 มีนาคม 2531 โจทก์และนางสาวอัญชลีตกลงกับจำเลยในฐานะหัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีผู้มีอำนาจทำการแทนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ยอมรับผิดชดใช้เงินที่ นางนิตยาทุจริตนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแทนโดยนำโฉนดที่ดินเลขที่ 9186 ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี มาวางเป็นหลักประกันให้จำเลยในฐานะสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรียึดถือไว้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกโฉนดที่ดินคืนจากจำเลยในฐานะส่วนตัว จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีมีสิทธิที่จะยึดหน่วงโฉนดที่ดินไว้จนกว่าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น จำเลยไม่เคยตกลงกับโจทก์ว่าระหว่างที่โฉนดที่ดินอยู่ที่จำเลย จำเลยจะไม่ดำเนินคดีอาญาแก่นางนิตยา หากดำเนินคดีอาญาแก่นางนิตยาเมื่อใดจำเลยจะคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ทันทีขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินเลขที่ 9186ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี แก่โจทก์ส่วนที่โจทก์มีคำขอว่า หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้จับกุมจำเลยมาขังจนกว่าโจทก์จะได้โฉนดที่ดินคืนนั้นเป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี คำขอส่วนนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และนางสาวอัญชลีมาให้จำเลยยึดถือไว้โดยมีข้อตกลงกันไว้ด้วย ต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ ตามข้อตกลงแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จำเลยก็ให้การยอมรับว่าจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์จริง แม้จำเลยจะให้การอ้างว่าจำเลยรับโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้แทนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีและจำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยเก็บโฉนดที่ดินไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี จำเลยไม่อาจนำโฉนดที่ดินมาคืนให้แก่โจทก์ได้ก็ตามก็ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิตามฟ้องของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ได้
พิพากษายืน