แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีที่พระราชบัญญัติศุลกากรบัญญัติไว้เป็นพิเศษว่า สำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ให้ปรับสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยกันนั้น ถ้าศาลพิพากษาปรับจำเลยแต่ลำคน คนละสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรด้วย ก็ย่อมเป็นการปรับจำเลยสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ เกินกว่าสี่เท่า อันเป็นการผิดข้อความที่บัญญัติไว้และกรณีเช่นนี้ย่อมจะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31 ซึ่งให้ปรับเรียงตามรายตัวบุคคลมาใช้บังคับไม่ได้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่สมคบกันลักลอบนำปลาเค็ม ๑๙ กระสอบ หนัก ๑,๒๑๓ กิโลกรัม ราคา ๖,๐๖๕ บาท โดยใช้เรือยนต์บรรทุกปลาดังกล่าวจากประเทศพม่า เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ผ่านด่านศุลกากร และโดยเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ขอให้ลงโทษ
จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗, ๓๒ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๖, ๑๖, ๑๗ ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ ฉบับที่ ๑๓ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๖) มาตรา ๓, ๔ ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๔ และอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑ ให้ปรับจำเลย ๔ เท่าของราคาซึ่งรวมอากรด้วยแล้วเป็นเงินคนละ ๗๗,๖๓๒ บาท ให้จำเลยจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับร้อยละ ๓๐ จ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับร้อยละ ๒๕ ของราคาของกลาง
จำเลยทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยกระทำผิดจริง แต่เห็นว่าสินค้าที่จำเลยนำเข้ามามิใช่เป็นสินค้าต้องห้าม หากเป็นเพียงหลบเลี่ยงไม่นำไปเสียภาษีเท่านั้น จึงพิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยรวมกันเป็นเงิน ๗๗,๖๓๒ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ บัญญัติถึงกำหนดโทษไว้ว่า “ฯลฯ สำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ให้ปรับเป็ฯเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกินสิบปี หรือทั้งจำทั้งปรับ” ระบุเน้นไว้ชัดแล้วว่า สำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ให้ปรับสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วย ฉะนั้น ถ้าหากศาลพิพากษาปรับจำเลยแต่ละคน คนละสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรด้วย ก็เป็นการปรับจำเลยสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ เกินกว่าสี่เท่า อันเป็นการผิดข้อความที่บัญญัติไว้ กรณีเช่นนี้จะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑ มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่พระราชบัญญัติศุลกากรบัญญัติระบุไว้เป็นพิเศษ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์