แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หาดทรายชายทะเลซึ่งชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน แม้จะเปลี่ยนแปลงสภาพโดยธรรมชาติโดยทะเลตื้นเขินขึ้น แต่ก็เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 (2) ตราบใดที่ทางราชการยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง ที่ดินพิพาทก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองหรือมีกรรมสิทธิ์ไม่ โจทก์มิใช่ผู้ยึดถือที่ดินพิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ครบกำหนดแล้วไม่ยอมออกจากที่ดินของโจทก์ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยเช่าที่ดินของโจทก์แต่จำเลยออกจากที่ดินที่เช่าแล้ว ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ โจทก์ไม่เสียหายตามที่ฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนจำเลย
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าที่ดินในบริเวณหมายเลข 1 และ 2 ในแผนที่พิพาทเป็นที่ดินที่งอกจากที่ดินของโจทก์ แต่เป็นที่ดินซึ่งเดิมเป็นหาดทรายชายทะเล ได้ความจากคำเบิกความของ นายโหยบ หวันมะ และนายนพดล ดีโหมด พยานจำเลยซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งที่ดินพิพาทตั้งอยู่ว่า ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ดินพิพาท โดยใช้ตากกุ้งและตากปลา อันเป็นการใช้ทรัพย์สินของแผ่นดินเพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน โดยโจทก์ไม่เคยทำประโยชน์ โจทก์เพิ่งล้อมรั้วสังกะสีเมื่อประมาณ 5 ถึง 6 เดือน มาเท่านั้น ฉะนั้น ที่ดินพิพาทแม้จะเปลี่ยนแปลงสภาพโดยธรรมชาติโดยทะเล ตื้นเขินขึ้นแต่ก็เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เช่นนี้ จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) ตราบใดที่ทางราชการยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง ที่ดินพิพาทก็ยังคงเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ ซึ่งสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองหรือมีกรรมสิทธิ์ไม่ เมื่อที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและโจทก์มิใช่ผู้ยึดถือที่ดินพิพาท เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.