คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6627/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 213 จังหวัดชลบุรี ตามฟ้องและจำเลยมีที่อยู่ทางทะเบียน ณ บ้านดังกล่าวตลอดมา การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยรวมทั้งหมายนัดสืบพยานโจทก์ ส่งได้โดยวิธีปิดหมายไว้ ณ บ้านดังกล่าว แต่จำเลยไม่ได้อยู่อาศัยที่บ้านหลังนี้มากกว่า 10 ปีแล้ว โดยไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 518/136 กับ บ้านเลขที่ 81/6 และไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้าน 2 หลังนี้โดยไม่ได้กลับไปที่บ้านเลขที่ 213 อีกเลย แต่ยังมิได้ย้ายทะเบียนออกจากบ้านหลังนี้ กรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง ดังนี้ แม้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยโดยการปิดหมายไว้ ณ บ้านเลขที่ 213 ดังกล่าว จะเป็นการส่งโดยชอบก็ตาม แต่ปัญหาว่าการส่งหมายเป็นไปโดยชอบหรือไม่กับปัญหาว่าจำเลยจงใจขาดนัดหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อจำเลยไม่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ และจำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องนี้ จึงไม่อาจถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาใหม่ตามคำขอของจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๙๒๑,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ห้ามจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเก็บค่าเช่าห้องแถว ซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงสิทธิเก็บกินและให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เดือนละ ๔๘,๕๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเก็บค่าเช่าตามสิทธิเก็บกินของโจทก์ กับให้จำเลย ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒,๕๐๐ บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่า จำเลยไม่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเนื่องจากจำเลยเพียงแต่มีชื่ออยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านตามภูมิลำเนาในฟ้อง แต่จำเลยพักอาศัยอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง จำเลยเพิ่งทราบว่า ถูกฟ้องเมื่อมีผู้นำคำบังคับมาส่งให้จำเลยที่บ้านที่จำเลยพักอาศัย จำเลยไม่ได้ให้สิทธิเก็บกินแก่โจทก์และการจดทะเบียนสิทธิเก็บกินไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์คัดค้านว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ได้กล่าวโดยละเอียดซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล และการที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่มีผลเท่ากับเป็นการยื่นฟ้องโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีของจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๖๒ จำเลยมีชื่ออยู่ในสำเนาทะเบียนตามภูมิลำเนาในฟ้อง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาในฟ้องจึงเป็นการส่งโดยชอบ เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด เป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน ค่าธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ส่วนปัญหาอื่น ๆ คงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ในปัญหาข้อนี้ข้อเท็จจริงได้ความตามทางไต่สวนว่า จำเลยเคยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ ๒๑๓ จังหวัดชลบุรี และมีที่อยู่ทางทะเบียน ณ บ้านดังกล่าวตลอดมา การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยรวมทั้งหมายนัดสืบพยานโจทก์ ส่งได้โดยวิธีปิดหมายไว้ ณ บ้านดังกล่าว แต่จำเลยนำสืบว่าจำเลยไม่ได้อยู่อาศัยที่บ้านหลังนี้มากกว่า ๑๐ ปีแล้ว โดยไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ ๕๑๘/๑๓๖ จังหวัดชลบุรี กับบ้านเลขที่ ๘๑/๖ จังหวัดชลบุรี และไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้าน ๒ หลังนี้โดยไม่ได้กลับไปที่บ้านเลขที่ ๒๑๓ อีกเลย แต่ยังมิได้ย้ายทะเบียนออกจากบ้านหลังนี้ จำเลยได้รับเอกสารเพียงฉบับเดียวคือ คำบังคับ ซึ่งหลานของจำเลยนำไปให้จำเลยเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๒ ดังนี้ ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวมีน้ำหนักให้รับฟังได้เพราะโจทก์มิได้นำสืบหักล้างและมิได้ฎีกาโต้เถียง กรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่งทำนองเดียวกันกับโจทก์ที่ยังคงมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ ๒๑๓ จังหวัดชลบุรี แต่โจทก์ระบุที่อยู่ของตนไว้ในคำฟ้องว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๔๓ จังหวัดชลบุรี ดังนี้ แม้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยโดยการปิดหมายไว้ ณ บ้านเลขที่ ๒๑๓ ดังกล่าว จะเป็นการส่งโดยชอบก็ตาม แต่ปัญหาว่าการส่งหมายเป็นไปโดยชอบหรือไม่ กับปัญหาว่าจำเลยจงใจขาดนัดหรือไม่เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ และจำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องคดีนี้ จึงไม่อาจถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาใหม่ตามคำขอของจำเลย คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมาในฎีกานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share