แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้อุบายว่าจะให้เงินแก่ผู้ตายอายุ 16 ปีลวงให้ผู้ตายตามไปและปล่อยให้ผู้ตายอยู่กับชาย 2 คน ซึ่งเป็นพวกของจำเลยโดยเห็นแก่เงินซึ่งชายทั้งสองจะมอบให้แก่จำเลยเป็นการตอบแทน จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อค้ากำไร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58, 91, 288, 318 และบวกโทษของจำเลยที่รอการลงโทษไว้อีกคดีหนึ่งเข้าด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318 วรรคสาม ลงโทษจำคุก 4 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ให้บวกโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 465/2534 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 เป็นจำคุก 2 ปี 14 เดือนให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาฆ่าผู้อื่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสามเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยได้พรากผู้ตายซึ่งอายุ 16 ปี ไปจากความปกครองของนายป้อและนางเสงี่ยมบิดามารดาผู้ตาย โดยจำเลยใช้อุบายว่าจะให้เงินแก่ผู้ตาย ให้ผู้ตายตามไปและปล่อยให้ผู้ตายอยู่กับชาย 2 คน ซึ่งเป็นพวกของจำเลยโดยเห็นแก่เงินซึ่งชายทั้งสองจะมอบให้แก่จำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อค้ากำไร จริงตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318 วรรคสาม นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น